‘พลังงาน’ กำลังกลายเป็นแกนหลักของระบบการเงินใหม่ที่สามารถกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจได้
ปัจจุบัน สกุลเงินส่วนใหญ่ รวมถึงบิตคอยน์(BTC) ล้วนมีมูลค่าขึ้นอยู่กับ ‘ความเชื่อมั่น’ มากกว่าทรัพย์สินที่จับต้องได้ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเริ่มให้ความสนใจแนวคิด ‘ระบบเงินที่ใช้พลังงานเป็นฐาน’ เพื่อเป็นแนวทางใหม่ในการจูงใจและกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน
ข้อเสียสำคัญของเงินที่ใช้กันในปัจจุบันคือ ปริมาณเงินที่ถูกสร้างขึ้นไม่จำเป็นต้องสะท้อนถึงมูลค่าทางเศรษฐกิจที่แท้จริง ตัวอย่างเช่น ดอลลาร์สหรัฐเคยผูกกับทองคำ แต่ภายหลังจากที่ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน เลิกใช้มาตรฐานทองคำในปี 1971 เงินดอลลาร์ก็ไม่มีทรัพย์สินรองรับโดยตรงอีกต่อไป ในทางกลับกัน ระบบเงินที่มีวัตถุดิบเป็นฐาน เช่น พลังงาน จะต้องอาศัยการผลิตจริงในทุกครั้งที่มีการเพิ่มปริมาณเงิน ซึ่งทำให้เกิดความสัมพันธ์โดยตรงกับเศรษฐกิจ
‘พลังงาน’ ถือเป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมและการพัฒนาเศรษฐกิจ นับตั้งแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมที่ถ่านหิน และต่อมาเป็นน้ำมันและเชื้อเพลิงสำเร็จรูป ได้มีบทบาทสำคัญต่อการเติบโตของโลก ประเทศที่สามารถเข้าถึงพลังงานมหาศาลย่อมมีโอกาสสร้างความมั่งคั่งมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ แนวคิดการใช้พลังงานเป็นรากฐานของระบบเงินจึงได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น
หากนำระบบเงินรูปแบบนี้มาใช้จริง ไม่เพียงแต่จะเปลี่ยนแปลงนิยามของ ‘เงิน’ เท่านั้น แต่ยังอาจกลายเป็นกลไกสำคัญที่ส่งเสริมการพัฒนาอารยธรรมในระยะยาว นักเศรษฐศาสตร์บางรายมองว่า หากพลังงานกลายเป็นตัวชี้วัดมูลค่า ตลาดจะถูกกระตุ้นให้เพิ่มการผลิตและการใช้พลังงานอย่างเป็นระบบ
ในขณะที่ระบบการเงินดิจิทัลกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แนวคิดเรื่อง ‘เงินที่ใช้พลังงานเป็นฐาน’ อาจนำไปสู่โมเดลใหม่ที่ก้าวล้ำกว่าบิตคอยน์ ซึ่งหากกลายเป็นความจริง ก็อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเศรษฐกิจโลกและโครงสร้างของระบบการเงินสากล
ความคิดเห็น 0