ครบรอบ 1 ปีของการเปิดตัวกองทุน ETF แบบอ้างอิง *อีเธอเรียม(ETH) แบบสปอต* ในสหรัฐฯ แม้จะเริ่มต้นด้วยกระแสคาดหวังจากนักลงทุน แต่เส้นทางกลับไม่ได้ราบรื่นอย่างที่หลายฝ่ายหวังไว้ โดยเฉพาะท่ามกลางสภาวะตลาดคริปโตที่ยังไม่นิ่ง จนทำให้ ETF เหล่านี้เผชิญกับกระแสเงินไหลออกในช่วงต้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ดี การเข้ามาของสถาบันการเงินรายใหญ่เริ่มส่งผลบวกต่อภาพรวม และกองทุนบางตัวเริ่มทำผลงานได้อย่างโดดเด่น
เมื่อเดือนกรกฎาคม 2024 สหรัฐฯ มี *ETF แบบสปอตของอีเธอเรียมทั้งหมด 9 ตัว* โดยในวันแรกของการเปิดตัวสามารถระดมเงินทุนรวมได้ถึง **1.06 พันล้านดอลลาร์** (ประมาณ 1.47 แสนล้านวอน) ส่วนหนึ่งของกระแสเงินดังกล่าวคือการโยกย้ายจากกองทุนทรัสต์เก่าของเกรย์สเกล(Grayscale) ที่ชื่อว่า ETHE ไปยังกองทุนใหม่ที่ให้ผลตอบแทนที่โปร่งใสมากกว่า
กองทุนที่ได้รับวงเงินมากที่สุดในวันแรกคือ ETHA ของแบล็ครอก($BLK) ซึ่งทำยอดได้ **2.66 พันล้านดอลลาร์** (ประมาณ 3.7 แสนล้านวอน) ตามมาด้วย ETHW ของบิทไวส์(Bitwise) ที่ **2.04 พันล้านดอลลาร์**, และ FETH ของฟิเดลิตี้(Fidelity) ที่ **710 ล้านดอลลาร์** ในขณะที่กองทุนจาก 21Shares, อินเวสโก, แวนเอค, และแฟรงคลิน เทมเพิลตัน กลับได้รับการตอบรับเพียงเล็กน้อยในช่วงแรก โดยมีตัวเลขตั้งแต่ **7 ล้านถึง 13 ล้านดอลลาร์** เท่านั้น
แม้จะมีจุดเริ่มต้นที่ไม่สวยนัก แต่สถานการณ์ในปีถัดมาพลิกกลับอย่างชัดเจน โดยเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2025 ETF ของอีเธอเรียมในสหรัฐฯ สามารถดึงดูดเงินลงทุนได้สูงถึง **402 ล้านดอลลาร์** ในวันเดียว หากย้อนกลับไปไม่ไกล วันที่ 16 กรกฎาคม มีการไหลเข้าถึง **726 ล้านดอลลาร์** ขณะที่วันที่ 17 กรกฎาคมอยู่ที่ **602 ล้านดอลลาร์** ต่อเนื่องกันถึง **11 วันทำการ** นับตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม ทำให้ยอดสะสมของเงินทุนที่ไหลเข้าแตะที่ **2.8 พันล้านดอลลาร์** ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญในตลาด
ในแง่ของขนาดสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ETHA ของแบล็ครอกยังคงเป็นผู้นำที่ **7.92 พันล้านดอลลาร์** (ประมาณ 11 ล้านล้านวอน) ส่วน ETHE ของเกรย์สเกลตามมาเป็นอันดับสองที่ **3.46 พันล้านดอลลาร์**
อย่างไรก็ตาม เส้นทางของ ETF อีเธอเรียมยังไม่ปราศจากอุปสรรค การเปิดตัวในช่วงแรกเผชิญกับบรรยากาศตลาดที่ไม่เอื้อ ETH เองก็ไม่สามารถขยับราคาได้ตามที่นักลงทุนคาดหวัง ซึ่งทำให้แรงซื้ออ่อนตัว กองทุนเก่าของเกรย์สเกลยังคงเห็นการไหลออกของเงินลงทุนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ ETF ตัวใหม่ไม่สามารถดึงความเชื่อมั่นกลับมาได้ในทันที *ความคิดเห็น: จุดพลิกเกิดจากกระแสเงินไหลเข้าแบบไม่หยุดยั้งที่เริ่มในกลางเดือนพฤศจิกายน* โดยช่วงนั้น ETF อีเธอเรียมมีการไหลเข้า *ต่อเนื่อง 18 วัน* และขยายสถิติไปถึง 19 วันภายในเดือนมิถุนายน 2025 ซึ่งช่วยพลิกสถานการณ์โดยรวมอย่างมาก
ปัจจุบัน นักลงทุนสถาบันเริ่มกลับมาให้ความสนใจใน ETF อีเธอเรียมอีกครั้ง และ ‘การเปลี่ยนผ่านสู่ผลิตภัณฑ์ดิจิทัลที่ถูกต้องตามกฎหมาย’ เริ่มเห็นผลจริง *คำสำคัญ: ETF แบบสปอตของอีเธอเรียม* กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของการเติบโตในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล และตลอด 1 ปีข้างหน้า นักลงทุนทั่วโลกต่างจับตาว่า ETF เหล่านี้จะสามารถนำพา ‘อีเธอเรียม’ เข้าสู่กระแสหลักได้อย่างแท้จริงหรือไม่
ความคิดเห็น 0