Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

อีเธอเรียม(ETH) ปรับใหญ่! เตรียมรองรับ 400 TPS - ใช้งานโหนดผ่านสมาร์ตโฟนภายในปี 2026

อีเธอเรียม(ETH) ปรับใหญ่! เตรียมรองรับ 400 TPS - ใช้งานโหนดผ่านสมาร์ตโฟนภายในปี 2026 / Tokenpost

ในการประชุม ‘ETHKyiv 2025’ ที่จัดขึ้น ณ กรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อเร็วๆ นี้ วงการคริปโตกลับมาจุดกระแสอีกครั้งเมื่อมีการเปิดเผยว่าบล็อกเชน อีเธอเรียม(ETH) กำลังเตรียมพลิกโฉมครั้งใหญ่ โดย *วิตาลิก บูเตอริน(Vitalik Buterin)* และ *โทมัส สตันจัก(Tomasz Stańczak)* ได้ปรากฏตัวผ่านระบบออนไลน์เพื่อประกาศว่า ความเร็วในการประมวลผลรายการของเลเยอร์ 1 จะเพิ่มขึ้นถึงระดับ *400 ธุรกรรมต่อวินาที (TPS)* และยังมีแผนจะให้สามารถเรียกใช้โหนดอีเธอเรียมผ่านสมาร์ตโฟนในอนาคตอันใกล้

บูเตอรินเปิดเผยระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ว่า ในอนาคตผู้ใช้จะสามารถ *ใช้งานโหนดอีเธอเรียมผ่านสมาร์ตโฟนหรือแม้แต่สมาร์ตวอทช์* ได้ นับเป็นอีกก้าวของการทำให้เครือข่ายเข้าถึงได้มากขึ้น จุดเปลี่ยนของเทคโนโลยีนี้คือการประยุกต์ใช้ *zkEVM* ที่ช่วยลดภาระการจัดเก็บข้อมูล และยังเพิ่มความมั่นคงปลอดภัยและประสิทธิภาพในเวลาเดียวกัน

ขณะนี้ โซลูชันเลเยอร์ 2 ของอีเธอเรียมสามารถลดค่าธรรมเนียมและย่นระยะเวลายืนยันธุรกรรมได้อย่างชัดเจน บางเครือข่ายสามารถ *ลดค่าธรรมเนียมได้มากถึง 90% และยืนยันธุรกรรมภายใน 3 วินาที* และเป้าหมายต่อไปคือขยายประสิทธิภาพเหล่านี้ไปยังเครือข่ายเลเยอร์ 1 สตันจักกล่าวว่า แผนการปรับปรุงเครือข่ายจะรวมถึงการ *เพิ่มขีดจำกัดก๊าซต่อบล็อกจาก 60 ล้าน เป็น 100 ล้าน* และการเปลี่ยนเกณฑ์ยืนยันธุรกรรมเป็นระบบ ‘Finality แบบ 3 สล็อต’

นอกจากการปรับปรุงเทคนิคแล้ว จุดเน้นหลักของการพัฒนาอีเธอเรียมยังอยู่ที่การเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเติบโตของระบบนิเวศ สตันจักประเมินว่า *ภายในสิ้นปี 2026* ธุรกรรมบนอีเธอเรียมจะ *ได้รับการยืนยันภายใน 36 วินาที* ซึ่งจะทำให้ประสบการณ์ของผู้ใช้ใกล้เคียงกับบริการชำระเงินทางการเงินแบบดั้งเดิมมากขึ้น และช่วยผลักดันให้ภาคธุรกิจและนักพัฒนาชื่นชอบการใช้งานบนเมนเน็ตมากยิ่งขึ้น

ในด้านความมั่นคงและความเชื่อมั่น สตันจักกล่าวว่า บล็อกเชนที่ต้องการทำให้คนส่วนใหญ่สามารถใช้งานได้ จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับ *ความโปร่งใส ความเป็นส่วนตัว และการคุ้มครองข้อมูล* เขาย้ำว่าทั้งผู้ใช้ทั่วไปและลูกค้าระดับองค์กรต่างต้องการความมั่นใจในสามปัจจัยนี้

ขณะเดียวกัน บูเตอรินเน้นถึงบทบาทใหม่ของอีเธอเรียมในฐานะโครงสร้างพื้นฐานของการเงินยุคดิจิทัล โดยกล่าวว่า *“โทเคนสำหรับหุ้นและพันธบัตรคือประตูสู่การใช้งานในระดับมวลชนอย่างแท้จริง”* พร้อมระบุว่า อีเธอเรียมจะทำหน้าที่เป็น *สะพานเชื่อมระหว่างการเงินแบบดั้งเดิมและ Web3* ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ยิ่งเข้มแข็งมากขึ้นเรื่อยๆ

การสนับสนุนจากยักษ์ใหญ่ในภาคการเงิน เช่น แบล็กร็อก(BlackRock), ดอยช์แบงก์ และคอยน์เบส(COIN) ที่เลือกใช้อีเธอเรียมในกระบวนการ *โทเคนไรซ์สินทรัพย์* ตอกย้ำถึงบทบาทนี้อย่างชัดเจน โดยในตลาดการเงินโลกที่มีมูลค่ากว่า *117 ล้านล้านดอลลาร์* หรือราว *1.6 ตันล้านบาท* กำลังเห็นการทดลองนำบล็อกเชนมาใช้กับสินทรัพย์จริงอย่างต่อเนื่อง

การจัดงาน ETHKyiv ครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการประชุมเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีแสดงพลังของชุมชนในสถานการณ์สงคราม โดยนักพัฒนาชาวยูเครนได้แสดงผลงานที่ผสมผสาน AI, dApp และเทคโนโลยีสำหรับภาคสนามรบอย่างมีจุดยืนเฉพาะ และเรื่องเล่าจาก *โมอิเซ บอนดาเรนโก* ทหารที่เล่นไวโอลินกลางสมรภูมิ รวมถึงทีมเจ้าหน้าที่พยาบาลอาสา ยิ่งตอกย้ำว่าเทคโนโลยีเป็น *แพลตฟอร์มแห่งคุณค่าเพื่อมนุษยชาติ*

สตันจักกล่าวว่า อีเธอเรียมจะต้องยึดแนวทางที่ให้ความสำคัญกับ "ผู้คนมากกว่าตัวเทคโนโลยี" และเห็นว่าการมีปฏิสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องระหว่างทีมนักพัฒนากับชุมชนคือหัวใจสำคัญของการเติบโตของอีเธอเรียม *ความคิดเห็น: บทสรุปของ ETHKyiv 2025 แสดงให้เห็นว่า การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ควบคู่กับจิตวิญญาณของชุมชน คือรากฐานของการนำอีเธอเรียมไปสู่การใช้งานระดับโลกอย่างแท้จริง*

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1