สหภาพยุโรป(EU) กำลังพิจารณาคว่ำบาตรสเตเบิลคอยน์ A7A5 ที่อิงกับเงินรูเบิลของรัสเซีย หลังพบว่าอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือให้รัฐบาลรัสเซียหลบเลี่ยงการคว่ำบาตร ตามรายงานของ Bloomberg เมื่อวันที่ 26
A7A5 เป็นหนึ่งในสเตเบิลคอยน์ที่อิงสกุลเงินอื่นนอกจากดอลลาร์ที่มีมูลค่าตลาดใหญ่อันดับต้นของโลก โดยในข้อเสนอภายในของ EU ระบุว่าจะห้ามไม่ให้บริษัทและบุคคลในสังกัด EU ทำการซื้อขายสกุลเงินดังกล่าวโดยตรงหรือผ่านตัวกลาง นอกจากนี้ ธนาคารบางแห่งในรัสเซีย เบลารุส และเอเชียกลางที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนช่วยให้นิติบุคคลที่ถูกคว่ำบาตรยังสามารถเข้าถึงคริปโตเคอร์เรนซีได้ ก็อาจถูกเพิ่มเข้าไปในรายชื่อมาตรการควบคุมด้วย
การเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นต่อเนื่องจากมาตรการเมื่อวันที่ 19 กันยายน ซึ่ง EU ได้สั่งห้ามการทำธุรกรรมคริปโตทั้งหมดของชาวรัสเซีย พร้อมกับจำกัดการเข้าถึงการให้บริการจากธนาคารต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับรัสเซีย โดยเชื่อว่า ‘คริปโตเคอร์เรนซี’ ถูกใช้เป็นช่องทางในการหลีกเลี่ยงระบบการเงินสากล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตก
ด้านบริษัทด้านวิเคราะห์ความเสี่ยงระหว่างประเทศ Integrity Risk International ชี้ว่า รัสเซียยังมีเทคนิคอื่นอีก เช่น การใช้ *เรือเงา* (shadow fleet), การดำเนินการผ่านประเทศที่สาม และการปลอมแปลงแหล่งที่มาของสินค้านำเข้า-ส่งออก เพื่อหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรเหล่านี้ ขณะเดียวกัน RAND ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยของสหรัฐ รายงานเมื่อเดือนธันวาคม 2024 ว่า รัสเซียยังใช้ ‘การซื้อขายทองคำผิดกฎหมาย’ เป็นอีกหนึ่งกลไกในการฟอกเงินเพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตร
อย่างไรก็ตาม ราคาตลาดของ A7A5 กลับพุ่งขึ้นทันทีหลัง EU ส่งสัญญาณการคว่ำบาตร โดยข้อมูลจาก CoinMarketCap ระบุว่า มูลค่าตลาดของ A7A5 เพิ่มจากประมาณ 194.6 ล้านดอลลาร์ (ราว 2,707 ล้านบาท) เป็น 491 ล้านดอลลาร์ (ราว 6,821 ล้านบาท) ภายในวันเดียว หรือเพิ่มขึ้นกว่า *250%* ซึ่งสะท้อนความต้องการจากนักลงทุนบางกลุ่มที่ต้องการใช้เหรียญดังกล่าวเพื่อกระจายความเสี่ยงหรือลดผลกระทบจากมาตรการควบคุม
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของ EU ถือเป็นสัญญาณว่า ‘สินทรัพย์ดิจิทัล’ กำลังก้าวสู่เวทีใหม่ของความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และกฎเกณฑ์กำกับดูแลสกุลเงินดิจิทัลมีแนวโน้มจะเข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่เกี่ยวข้องกับรัสเซีย
ความคิดเห็น 0