บริษัทจดทะเบียนแห่ซื้ออีเธอเรียม(ETH) เพิ่มขึ้น 1,937% จุดชนวนซูเปอร์ไซเคิลครั้งใหม่

บริษัทจดทะเบียนกำลังเร่งซื้อ ‘อีเธอเรียม(ETH)’ อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยข้อมูลล่าสุดจากบิทไวส์(Bitwise) บริษัทจัดการสินทรัพย์คริปโต เมื่อวันที่ 15 (เวลาท้องถิ่น) ระบุว่า กว่า *95% ของอีเธอเรียมที่อยู่ในพอร์ตของบริษัทจดทะเบียนทั่วโลก* ถูกซื้อเข้ามาในไตรมาสที่ 3 ของปี 2025 เพียงไตรมาสเดียว นับเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 1,937% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งชี้ให้เห็นแนวโน้ม ‘การรับอีเธอเรียมเป็นสินทรัพย์องค์กร’ ที่เริ่มขยายตัวอย่างชัดเจน

จากรายงานฉบับเดียวกัน พบว่า มีบริษัทจดทะเบียน 27 แห่งซื้ออีเธอเรียมเข้าพอร์ตรวมกันกว่า *4.4 ล้านเหรียญ ETH* คิดเป็นมูลค่า 19,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 2.64 ล้านล้านวอน บิทไวส์เน้นย้ำว่า การเร่งสะสม ETH ของภาคองค์กรครั้งนี้กำลังสร้าง ‘ช่องว่างของอุปทาน’ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นในรอบวัฏจักรก่อนหน้า

องค์กรที่ครองอีเธอเรียมมากที่สุดในขณะนี้คือ บิทไมน์อิมเมอร์ชันเทคโนโลยีส์(BitMine Immersion Technologies) ซึ่งถือครองกว่า 3 ล้านเหรียญ ETH หรือประมาณ 51% ของสินทรัพย์ทั้งหมดที่บริษัทจดทะเบียนถือลงทุน และคิดเป็นประมาณ *2.5% ของเหรียญ ETH ทั้งหมดในระบบ* โดยการเข้าซื้อครั้งล่าสุดของบิทไมน์ มีจำนวน 104,336 ETH ในจังหวะที่ราคาลงต่ำกว่า 4,000 ดอลลาร์ โดยมีมูลค่าการซื้อรอบนี้ถึง 417 ล้านดอลลาร์ หรือราว 5.8 แสนล้านวอน

นอกจากการสะสมของบริษัทแล้ว การ ‘ล็อกเหรียญ’ ในหลายรูปแบบกำลังนำไปสู่ *ภาวะขาดสภาพคล่องในตลาดอีเธอเรียม* ข้อมูลจากเว็บไซต์ SER ชี้ว่า ปัจจุบันมี ETH ประมาณ 5.9 ล้านเหรียญพักอยู่ในคลังของบริษัทต่างๆ คิดเป็นมูลค่า 23,600 ล้านดอลลาร์ หรือราว 3.28 ล้านล้านวอน (ประมาณ 4.9% ของเหรียญทั้งหมดในระบบ)

ขณะเดียวกัน กองทุน ETF ถือครอง ETH ประมาณ 6.84 ล้านเหรียญ (ประมาณ 5.6%) ซึ่งมีมูลค่ารวม 27,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 3.75 ล้านล้านวอน ยังไม่นับรวมกับ ETH ที่ถูกล็อกไว้ในระบบสเตกกิ้ง ซึ่งมีสูงถึง 35.7 ล้านเหรียญ โดยจำนวนมากยังไม่สามารถถอนออกมาได้เนื่องจากติดข้อจำกัดด้านเวลา เมื่อรวมทุกกลุ่มเข้าด้วยกัน เท่ากับว่าประมาณ *40% ของ ETH ในระบบ หรือกว่า 48.4 ล้านเหรียญ ถูกกักอยู่นอกตลาด*

นักวิเคราะห์บางรายมองว่า สภาพของตลาดเช่นนี้อาจเป็น ‘*จุดเริ่มต้นของซูเปอร์ไซเคิลของอีเธอเรียม*’ โดยนักวิเคราะห์ชื่อ คริปโตกุชชี่(Crypto Gucci) แสดงความคิดเห็นว่า “อุปทานที่จำกัดอย่างยืนยันได้ควบคู่กับความต้องการจากสถาบันขนาดใหญ่ เป็นสูตรของการปรับตัวขึ้นครั้งใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”

อย่างไรก็ตาม ราคาของ ETH ยังไม่ได้ตอบสนองต่อภาพรวมนี้อย่างชัดเจน ในช่วง 10 วันที่ผ่านมา ราคา ETH อยู่ในช่วงขาลง โดยลดลงจากจุดสูงสุดราว 19% และมักเกิดแรงขายในช่วงตลาดสหรัฐเปิด ทำให้แรงซื้อล่าสุดจากฝั่งเอเชียทำได้แค่ดันราคาในระยะสั้นเท่านั้น

ความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า แม้ราคายังไม่สะท้อนความเป็นจริงของตลาด แต่การที่ปริมาณ ETH ในตลาดจริงๆ เหลือน้อยลงเรื่อย ๆ เป็นสัญญาณว่าในอนาคต *อาจเกิดการดีดตัวที่รุนแรง* ได้หากกลไกอุปสงค์-อุปทานเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย