อาทิตยา พาเลพู ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ DEX Labs ซึ่งดูแลการดำเนินงานของแพลตฟอร์มอนุพันธ์แบบกระจายศูนย์อย่าง DerivaDEX กล่าวถึง ‘MEV (Maximal Extractable Value)’ ว่า อาจเป็นอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางไม่ให้สถาบันการเงินเข้ามามีส่วนร่วมในตลาดการเงินแบบกระจายศูนย์(DeFi) และยังเอื้อประโยชน์ให้กับผู้เล่นรายใหญ่เหนือผู้ลงทุนรายย่อย
เมื่อวันที่ 24 ตามรายงานจาก Cointelegraph พาเลพูให้สัมภาษณ์ว่า “ตลาดซื้อขายอิเล็กทรอนิกส์ทุกแห่งล้วนเผชิญกับปัญหาความไม่เสมอภาคของข้อมูลตามลำดับการประมวลผลคำสั่งซื้อขาย ซึ่งเป็นหัวใจของ MEV” โดย MEV คือกระบวนการที่ผู้ขุดหรือผู้ตรวจสอบข้อมูลสามารถจัดเรียงลำดับธุรกรรมในบล็อกใหม่เพื่อสร้างผลประโยชน์ให้กับตนเอง อันอาจทำให้กลยุทธ์ของนักลงทุนรายย่อยถูกเปิดเผยก่อน ทำให้สูญเสียศักยภาพในการแข่งขัน
เพื่อจัดการกับปัญหานี้ เขาเสนอการใช้งาน Trusted Execution Environment (TEE) ซึ่งเป็น ‘สภาพแวดล้อมการประมวลผลแบบไว้ใจได้’ ที่สามารถดำเนินคำสั่งซื้อขายแบบ ‘ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ’ มาก่อนการยืนยันในบล็อกเชน โดยพาเลพูกล่าวว่า “จุดแข็งของวิธีนี้คือการที่คำสั่งซื้อขายจะถูกเข้ารหัสที่ฝั่งผู้ใช้งาน และจะถูกรวบรวมก่อนตามลำดับ แล้วจึงทำการถอดรหัสในโซนที่ปลอดภัยเท่านั้น” ทำให้ธุรกรรมไม่สามารถถูกดักฟังหรือเปลี่ยนลำดับจากภายนอกได้
เขาเสริมว่าโครงสร้างของ MEV ในปัจจุบันกำลังบั่นทอน ‘ความเป็นธรรม’ ของโปรโตคอลดีไฟ และสร้างความเหลื่อมล้ำในข้อมูลตั้งแต่ระดับเครือข่ายของบล็อกเชน ซึ่งกลายเป็นปัจจัยป้องกันไม่ให้สถาบันการเงินเข้าสู่ตลาดดีไฟอย่างเต็มตัว ในขณะที่นักลงทุนรายย่อยยังคงอยู่ในฐานะที่เสียเปรียบ
ความคิดเห็นของพาเลพูชี้ว่า ‘เทคโนโลยีแบบเป็นกลางต่อข้อมูล’ อาจกลายเป็นกุญแจสำคัญในการดึงดูดสถาบันการเงินเข้าสู่ดีไฟได้มากขึ้น พร้อมทั้งยกระดับความน่าเชื่อถือและความยุติธรรมให้กับระบบนิเวศโดยรวม ทั้งนี้ การกำจัด MEV อาจเป็นหนึ่งในแนวทางที่ช่วยให้ผู้ใช้ทุกรูปแบบสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างเท่าเทียมในตลาดที่ไร้ศูนย์กลาง
ความคิดเห็น 0