โครงการ ‘คัลเดรา(Caldera)’ ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการปรับขนาดของเครือข่ายอีเธอเรียม(ETH) กำลังส่งสัญญาณถึงการขยายตัวเชิงกลยุทธ์ของอีโคซิสเต็ม ‘เมต้าเลเยอร์’ ด้วยการเปิดตัวกลไก ‘สงวนเชิงกลยุทธ์’ (Strategic Reserve) ของโทเคน ERA ควบคู่ไปกับผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง ‘เมต้าโทเคน’ และโมดูล ‘สเตเบิลคอยน์แบบสร้างรายได้’ โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับความ *ร่วมมือระหว่างเครือข่าย* และลดข้อจำกัดของสินทรัพย์แบบกระจายในระบบ Web3
คัลเดรา ประกาศว่าได้เริ่มดำเนินโครงการ ‘สงวนเชิงกลยุทธ์ ERA’ เมื่อเดือนกันยายน 2025 ด้วยการเข้าซื้อ ERA จำนวน 3.9 ล้านโทเคนจากตลาดเปิด เพื่อสนับสนุนการมีส่วนร่วมของตัวตรวจสอบธุรกรรม(Validator) และเสริมสร้างความมั่นคงของเครือข่าย แหล่งทุนสำหรับโครงการนี้มาจากรายได้ออนเชน ค่าธรรมเนียมการจัดหาสภาพคล่อง และความร่วมมือพันธมิตร พร้อมคาดการณ์ว่าจะมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
จากบทวิเคราะห์ของเมซซารี รีเสิร์ช(Messari Research) ‘สงวนเชิงกลยุทธ์’ ไม่เพียงเป็นกลไกการจัดเก็บทุนเท่านั้น แต่ยังใช้ในการบริหารจูงใจภายในเมต้าเลเยอร์อีกด้วย ERA ถูกออกแบบเพื่อเป็นมากกว่าโทเคนกำกับดูแล กล่าวคือ มันยังสามารถใช้จ่ายค่าธรรมเนียมข้ามเชน, เป็นสินทรัพย์สเตกของตัวตรวจสอบธุรกรรม และเป็นเครื่องมือในการบริหารเครือข่ายโดยตรง
ผู้ถือ ERA สามารถลงมติเกี่ยวกับข้อเสนอพัฒนาคัลเดรา(Caldera Improvement Proposals - CIP) ซึ่งครอบคลุมการจัดสรรงบประมาณ, การแต่งตั้งคณะกรรมการ และการกำกับดูแลทั่วไปของเครือข่าย นอกจากนี้ โทเคน ERA มีอุปทานสูงสุดจำกัดที่ 1 พันล้านโทเคน และได้มีการแจกจ่ายผ่านแอร์ดรอปมายังคอมมูนิตี้เพื่อให้เกิดการกระจายตั้งแต่เริ่มต้น
ในด้านเทคโนโลยี คัลเดรานำเสนอโครงสร้างพื้นฐาน ‘เมต้าเลเยอร์’ ที่เน้นการ *เชื่อมต่อข้ามเครือข่าย* ผ่านระบบสะพานเชื่อม Caldera Bridge Preview และมาตรฐาน ‘เมต้าโทเคน’ ที่ทำให้โทเคนสามารถมีอยู่บนหลายโรลอัป ภายใต้ที่อยู่เดียวกันและอุปทานรวมเดียว จุดเด่นอยู่ที่การรองรับสินทรัพย์ย่อยอย่างมีมคอยน์และโทเคนกำกับดูแล ไม่ให้ถูกจำกัดในเชนเดี่ยว ช่วยเปิดทางการขยายการใช้งานและการกระจายความเสี่ยง
นอกจากนี้ ระบบเมต้าโทเคนยังรองรับกลไก ‘ล็อกและสร้าง (lock-and-mint)’, การกำหนดที่อยู่ตามหลักดีเทอมินิสติก และการหลีกเลี่ยงข้อจำกัดของโรลอัปแบบออพติสมิสติก เพื่อสร้างสภาพแวดล้อม Omni-chain ที่เชื่อมต่อกันอย่างไร้รอยต่อ
ในฝั่งของเสถียรภาพด้านการเงิน คัลเดราได้เปิดตัวโมดูลสเตเบิลคอยน์ที่สามารถสร้างรายได้ โดยออกแบบให้สามารถรวมสภาพคล่องเข้ากับสินทรัพย์เนทีฟตัวเดียว ช่วยลดความซับซ้อนจากการมีหลายเวอร์ชันของสเตเบิลคอยน์ที่เกิดจากหลายสะพานเชื่อม จุดนี้เป็น *คำตอบต่อปัญหาสินทรัพย์ Bridged ที่เล็กและกระจายเกินไป* โดยมีการร่วมมือกับโปรเจ็กต์พันธมิตรอย่าง M0 ซึ่งได้พัฒนา SDK และ API เพื่อรองรับการขยายของนักพัฒนาและเพิ่มประสบการณ์ผู้ใช้โดยรวม
โครงสร้างใหม่ยังรองรับการออกสเตเบิลคอยน์เฉพาะแบรนด์ของแต่ละโรลอัป-chain ที่สามารถดักจับรายได้บางส่วน เพื่อนำกลับมาหมุนเวียนในระบบให้เกิดความยั่งยืน
ขณะเดียวกัน คัลเดรายังเดินหน้าขยายเมต้าเลเยอร์ผ่านการเปิด chain เฉพาะกิจหลากหลายสาย เช่น สตูดิโอเชนสำหรับเกม KARRAT, แซนด์เชนสำหรับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และ อินทูอิชั่นเชน ที่รองรับการยืนยันความรู้แบบออนเชน ทุกโปรเจ็กต์นี้สร้างบน Caldera Rollup Engine และโครงสร้างพื้นฐานของเมต้าเลเยอร์ จึงสามารถให้ประสิทธิภาพสูง พร้อมความสามารถในการส่งผ่านข้อมูลข้ามเชนอย่างรวดเร็ว
ข้อมูล ณ เดือนตุลาคม 2025 ระบุว่า คัลเดราได้เปิดใช้งานเชนกว่า 100 รายการ มียอดธุรกรรมสะสมกว่า 1 พันล้านรายการ มูลค่ารวมที่ล็อกไว้(TVL) อยู่ที่ 326 ล้านดอลลาร์ และรายได้ออนเชนมากกว่า 12 ล้านดอลลาร์ (ราว 2,700 อีเธอร์) ส่งผลให้คัลเดราเป็นหนึ่งในระบบปรับขนาดอีเธอเรียมที่เติบโตเร็วที่สุด
เมซซารี รีเสิร์ชชี้ว่า ทิศทางของคัลเดราขณะนี้กำลังก้าวไปไกลกว่าแค่ฮับของโรลอัป แต่มุ่งสู่การเป็น *แพลตฟอร์มความร่วมมือระหว่างเครือข่าย* เต็มรูปแบบภายใต้แนวคิดเมต้าเลเยอร์
การเปิดตัว ERA พร้อมระบบสงวน, เมต้าโทเคน และโมดูลสเตเบิลคอยน์แบบมีรายได้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของโครงสร้างใหม่ที่จะรองรับ ‘อินเทอร์เน็ตแห่งเชน’ ซึ่งช่วยรวมสภาพคล่องจากหลายระบบและสร้างฐานสินทรัพย์แบบขยายได้ เป็นการปูทางสู่ยุคใหม่ของบล็อกเชนที่เน้น *การทำงานร่วมกันแบบปลอดศูนย์กลาง* อย่างแท้จริง.
ความคิดเห็น 0