บิตคอยน์(BTC) ร่วงแรง 10% ในช่วงสามวันที่ผ่านมา จากระดับประมาณ 108,000 ดอลลาร์ หรือราว 1.44 ล้านบาท เหลือเพียง 97,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1.29 ล้านบาท ท่ามกลางแรงขายที่ฉุดราคาลงอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ซามูเอล โมว์ ผู้เชี่ยวชาญในตลาดคริปโตกลับประเมินว่าสถานการณ์นี้เป็นเพียง ‘กับดักหมียักษ์’ หรือ ‘Bear Trap’ ที่ไม่ควรตื่นตระหนก
ความร่วงลงของบิตคอยน์ครั้งนี้เกิดจากตำแหน่ง ‘ซื้อ’ ที่เปิดไว้มากเกินไปในตลาดอนุพันธ์ถูกบังคับปิด ซึ่งจุดกระตุ้นหลักอยู่ที่ช่วงราคาที่ขาดสภาพคล่อง ได้แก่ 101,000 ดอลลาร์, 99,500 ดอลลาร์ และ 97,800 ดอลลาร์ เมื่อแนวรับในระดับเหล่านี้พังทลาย ราคาจึงลดฮวบลงแรง อย่างไรก็ตาม เมื่อราคาลงมาถึงระดับ 97,000 ดอลลาร์ ก็เริ่มมีแรงซื้อจากตลาดสปอตกลับเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทำให้แรงขายเริ่มชะลอตัวลง
ข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์ออนเชน ‘Glassnode’ ระบุว่า ในระหว่างการปรับฐานดังกล่าว มีบิตคอยน์ที่ถูกถือไว้ระยะกลาง (3-6 เดือน) ถูกโอนขายออกไปจำนวนมาก คาดว่ามีมูลค่าความเสียหายราว 600 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 8,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นสัญญาณของความวิตกกังวลในตลาดที่พุ่งถึงจุดสูงสุด
อย่างไรก็ตาม โมว์มองว่าการขายทิ้งครั้งนี้ไม่ได้สะท้อนแนวโน้มขาลงของตลาดในระยะยาวแต่อย่างใด เขาระบุว่า “นี่คือกับดักที่เห็นได้ชัดเจน” พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่านี่คือ ‘กระบวนการสะสมทุน’ มากกว่าจะเป็นการปรับลงถาวร ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองเชิงบวกของเขาที่เชื่อว่าบิตคอยน์จะไปถึงระดับ 1,000,000 ดอลลาร์ในอนาคต
นักวิเคราะห์จำนวนมากมองว่าภาวะปัจจุบันของบิตคอยน์เป็นเพียงกระบวนการ ‘เคลียร์ตลาด’ หลังจากมีการใช้เลเวอเรจมากเกินไป รวมถึงการเทขายตื่นตระหนกเพียงระยะสั้น ซึ่งก็ถูกตอบรับด้วยการซื้อกลับอย่างฉับไว ลักษณะนี้ใกล้เคียงกับรูปแบบการปรับฐานก่อนการฟื้นตัวที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
บิตคอยน์ยังทรงตัวอยู่ที่บริเวณ 97,000 ดอลลาร์ในขณะนี้ แต่ทิศทางระยะสั้นหลังจากนี้ จะขึ้นอยู่กับว่าจะมีแรงซื้อใหม่ไหลเข้าสนับสนุนแค่ไหน และความเชื่อมั่นของตลาดจะกลับมาเร็วเพียงใด โดย ‘คำถามสำคัญ’ ที่นักลงทุนยังให้ความสนใจคือ บิตคอยน์ยังสามารถรักษาแนวโน้มขาขึ้นในระยะกลางถึงยาวต่อไปได้หรือไม่
ความคิดเห็น 0