ตลาดคริปโตเผชิญแรงเทขายอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้มูลค่ารวมลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับต้นปี อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางภาวะซบเซา ยังมีบางโครงการที่กลายเป็นจุดสนใจด้วยจุดแข็งเชิงโครงสร้างที่ชัดเจน ทั้งในด้านรูปแบบโทเคนและความโปร่งใสในการดำเนินงาน โดยหนึ่งในนั้นคือ *XRP ตุนดรา* ซึ่งถูกยกให้เป็นกรณีศึกษาในด้านการปรับตัวและขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพ
ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นมา มูลค่ารวมของตลาดคริปโตลดลงราว 20% จาก 4.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5,890 ล้านล้านวอน) เหลือเพียง 3.32 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4,442 ล้านล้านวอน) บิตคอยน์(BTC) หลุดระดับ 100,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1 ล้านบาท ส่วนอีเธอเรียม(ETH) ลดลงมาอยู่ที่ช่วง 3,000 ดอลลาร์ ทำให้เกิดแรงขายมหาศาลและการชำระบัญชีในวงกว้าง
สถานการณ์นี้เกิดขึ้นจากการที่นักลงทุนในตลาดทุนทั่วโลกหันมาเลี่ยงความเสี่ยง โดย QCP แคปิตอล บริษัทด้านการลงทุนคริปโตวิเคราะห์ว่าภาวะปัจจุบันนับเป็น ‘ช่วงพักฐาน’ มากกว่าการพังทลายของตลาด ขณะที่นักวิเคราะห์บางรายมองว่าเงื่อนไขแบบนี้เคยเกิดมาแล้วในการ "รีเซตตลาด" รอบก่อน และชี้ให้เห็นว่าโปรเจกต์ที่เน้น ‘พื้นฐาน’ มักจะเป็นผู้รอดและเติบโตแข็งแกร่งกว่าเดิม
นักลงทุนสถาบันก็มีแนวโน้มที่จะเริ่มลงทุนในช่วงต้นของการรีเซต ผ่านการเลือกลงทุนในโครงการที่มีโครงสร้างการใช้งานจริงมากกว่าการเก็งกำไรแบบฉาบฉวย ซึ่ง *XRP ตุนดรา* เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่กำลังได้รับการจับตามอง
XRP ตุนดราใช้สถาปัตยกรรมแบบดูอัลเชน (Dual Chain) พร้อมการออกแบบบทบาทของโทเคนอย่างละเอียด *TUNDRA-S* ทำหน้าที่เกี่ยวกับยูทิลิตี้ การสร้างรายได้ และการสเตกกิ้ง ส่วน *TUNDRA-X* จะเน้นด้านการกำกับดูแลและทำหน้าที่เป็นเงินสำรอง การแยกบทบาทอย่างชัดเจนนี้ช่วยป้องกันปัญหาเรื่องแย่งสภาพคล่องและการเจือจางมูลค่าในช่วงแรกของการพัฒนา ซึ่งเป็นปัญหาที่โครงการใหม่จำนวนมากมักพบเจอ
ขณะนี้โครงการกำลังอยู่ในช่วงพรีเซลล์เฟสที่ 11 โดย *TUNDRA-S* มีราคาอยู่ที่ 0.183 ดอลลาร์ต่อโทเคน (ประมาณ 183 บาท) และ *TUNDRA-X* ที่ระดับ 0.0915 ดอลลาร์ต่อโทเคน (ประมาณ 91 บาท) โครงการยังเสริมจูงใจผ่านโครงสร้างโบนัส 9% ที่ถูกมองว่าเป็น ‘การเข้าร่วมเชิงโครงสร้าง’ มากกว่าจะเป็นแค่การเก็งกำไรสั้นๆ
แม้สภาพตลาดโดยรวมกำลังถดถอย แต่ XRP ตุนดรากลับสามารถระดมทุนจากพรีเซลล์ไปแล้วกว่า 2.5 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 25 ล้านบาท) พร้อมจ่ายค่าตอบแทนรวมมูลค่า 32,000 ดอลลาร์สหรัฐผ่านระบบ ‘Arctic Spinner’ ซึ่งทำหน้าที่เป็นโบนัสรีวอร์ด ขณะเดียวกัน อัตราการมีส่วนร่วมในระบบยังคงมีเสถียรภาพจากการเข้าร่วมของผู้ใช้งานใหม่ทุกวัน
นอกจากนี้ ความโปร่งใสของโครงการยังได้รับการยืนยันผ่านการตรวจสอบจากบริษัทภายนอกอย่าง ไซเบอร์สโคป(Cyberscope), โซลิดพรูฟ(Solidproof) และเฟรชคอยน์(FreshCoins) ซึ่งได้ผ่านการตรวจสอบสมาร์ทคอนแทรกต์แล้วเรียบร้อย อีกทั้งทีมพัฒนาก็ผ่านการตรวจสอบ KYC โดย ไวทัลบล็อก(Vital Block) ซึ่งถือว่าเป็นการเสริมความน่าเชื่อถือของโครงการอย่างมีนัยสำคัญ
ความพยายามเหล่านี้ช่วยเพิ่มโอกาสให้ XRP ตุนดราสามารถอยู่รอดและแข่งขันได้ในช่วงเวลาที่ตลาดผันผวนอย่างหนัก โดยจำนวนผู้ถือโทเคนจากรอบพรีเซลล์ที่ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็เป็นสัญญาณเชิงบวกว่านักลงทุนเห็นโอกาสระยะยาวจากโครงการนี้
ในสายตาของวงการคริปโต โครงการที่มีจุดแข็งด้านโครงสร้างเช่น XRP ตุนดรา อาจได้รับ ‘เลเวอเรจ’ อย่างสูงเมื่อถึงเวลาที่ตลาดฟื้นตัว และจากการที่โครงการยังสามารถดึงดูดผู้ใช้งานใหม่ท่ามกลางภาวะตกต่ำ ก็อาจกล่าวได้ว่า XRP ตุนดรานั้นกำลังเตรียมพร้อมอย่างจริงจังสำหรับ *คลื่นลูกใหม่ของตลาดคริปโต* ที่ใกล้จะมาถึง
ความคิดเห็น 0