3 ปีหลังล่มสลาย FTX: อุตสาหกรรมคริปโตผลักดัน ‘หลักฐานเงินสำรอง (PoR)’ สู่มาตรฐานความโปร่งใสใหม่

หลังจากเหตุการณ์การล่มสลายของเอฟทีเอกซ์(FTX) ผ่านมาแล้วกว่า 3 ปี วงการคริปโตกำลังหวนกลับมาตั้งคำถามถึงแก่นแท้ของคำว่า ‘ความน่าเชื่อถือ’ อีกครั้ง โดยบทเรียนที่ชัดเจนที่สุดคือ ความมั่นคงและการเติบโตอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรมนี้ขึ้นอยู่กับ ‘ความโปร่งใสที่ตรวจสอบได้’ ซึ่งปัจจุบัน ยิ่งมีความผันผวนสูงเท่าใด ความโปร่งใสก็ยิ่งจำเป็นมากเท่านั้น

หนึ่งในแนวคิดสำคัญที่ควรจับตามองคือ ‘หลักฐานเงินสำรอง(PoR - Proof of Reserves)’ กลไกนี้อิงกับหลักการง่าย ๆ แต่ทรงพลัง กล่าวคือ การเปิดเผยข้อมูลสำรองของกระดานซื้อขายคริปโตว่าสามารถจับคู่กับทรัพย์สินของลูกค้าได้แบบ 1:1 ผ่านระบบตรวจสอบบนบล็อกเชน ทั้งนี้ หลังการล้มละลายของเอฟทีเอกซ์ PoR ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญเพื่อปลดภาพลักษณ์ของอุตสาหกรรมที่เหมือน ‘แดนเถื่อน’ และแสดงความพยายามที่จะสร้างมาตรฐานด้านความน่าเชื่อถือขึ้นใหม่

แม้ว่าปัจจุบันตลาดคริปโตจะมีแนวโน้มที่สดใสขึ้น แต่ก็ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญในการผลักดันให้ PoR กลายเป็น ‘มาตรฐาน’ ของวงการ ข้อมูลจากสถาบันวิจัยอิสระชี้ว่า แม้บางกระดานซื้อขายยังคงเปิดเผยรายงาน PoR อย่างสม่ำเสมอทุกเดือน แต่หลายแห่งกลับเปิดเผยข้อมูลอย่างไม่ต่อเนื่อง หรือถึงขั้นไม่เปิดเผยเลย ซึ่งหากย้อนดูประวัติศาสตร์ของตลาดช่วงขาขึ้นที่ผ่านมา ชัดเจนว่าความร้อนแรงของตลาดมักมาพร้อมกับบททดสอบความมีวินัยของอุตสาหกรรม

เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ตลาดคริปโตเผชิญกับเหตุการณ์ ‘แฟลชแครช’ ซึ่งทำให้สถานะเลเวอเรจมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 27 ล้านล้านวอน) ถูกล้างพอร์ตในช่วงเวลาสั้น ๆ เหตุการณ์ดังกล่าวสะท้อนถึงความเปราะบางเชิงโครงสร้างของตลาด แต่ในขณะเดียวกันก็เน้นย้ำถึงบทบาทของระบบที่โปร่งใส โดยเฉพาะในกลุ่มกระดานซื้อขายแบบกระจายศูนย์(DEX) ที่สัญญาค้างลดลงอย่างมาก แสดงให้เห็นว่าเลเวอเรจที่มากเกินไปสามารถพังทลายได้ในพริบตา

ในช่วงเวลาที่โลกกำลังรอการกำกับดูแลครั้งใหม่ PoR จึงกลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือไม่กี่อย่างที่กระดานซื้อขายและโครงการต่าง ๆ สามารถใช้นำเสนอความเชื่อมั่นได้ด้วยตนเอง มากกว่าการปล่อยให้ความเงียบสร้างความไม่ไว้วางใจ วงการคริปโตควรตระหนักว่า การสื่อสารผ่าน ‘ข้อมูลที่เปิดเผยอย่างสม่ำเสมอและโปร่งใส’ คือเส้นทางสู่ความเชื่อมั่นในระยะยาวอย่างแท้จริง ‘ความคิดเห็น’ นี่อาจเป็นโอกาสสำคัญที่โลกลูกโซ่ดิจิทัลจะสร้างมาตรฐานใหม่แห่งความโปร่งใสขึ้นมาเอง