ซีแคช(ZEC) กลับมาเป็นที่สนใจท่ามกลางกระแสคุมเข้มห่วงความเป็นส่วนตัวในโลกคริปโต

ความต้องการเรื่อง *‘การปกป้องความเป็นส่วนตัว’* ในวงการคริปโตเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้การสนับสนุนต่อ *ซีแคช(ZEC)* กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง โดยเฉพาะท่ามกลางกระแสการกำกับดูแลและการสอดส่องที่เข้มงวดขึ้น ล่าสุดในแพลตฟอร์มโซเชียลอย่าง X (เดิมชื่อทวิตเตอร์) มีบุคคลสำคัญในวงการหลายรายออกมาแสดงการสนับสนุน *ซีแคช* อย่างเปิดเผย

บุคคลผู้มีอิทธิพลอย่างสองพี่น้องวิงเคิลวอส, นาวาล ราวิกานต์ และบลาจี ศรีนีวาซาน ต่างเรียกร้องให้มีการนำ *ซีแคช* มาใช้งานมากขึ้น โดยมองว่าส่งผลให้ระบบนิเวศของบิตคอยน์(BTC) อาจได้รับแรงผลักดันในการพัฒนา *ฟีเจอร์ปกป้องความเป็นส่วนตัว* เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน อีลี เบน-ซัสซอน ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทด้านเทคโนโลยีการพิสูจน์แบบความรู้ศูนย์ *สตาร์คแวร์(StarkWare)* มองว่าความนิยมในซีแคชอาจนำไปสู่การนำโค้ดคำสั่ง ‘OP_CAT’ ที่เคยโดนยกเลิกกลับมาพิจารณาใหม่ ซึ่งอาจถือเป็นก้าวสำคัญสู่การยกระดับคุณสมบัติเชิงความเป็นส่วนตัวในเครือข่ายบิตคอยน์

*ซีแคช* เป็นโปรเจกต์ที่เริ่มขึ้นจากแรงบันดาลใจในตัวบิตคอยน์ เมื่อปี 2014 เบน-ซัสซอนและทีมงานได้เปิดตัวเอกสารไวท์เปเปอร์ชื่อ *ซีโรแคช (Zerocash)* ซึ่งเสนอแนวคิด ‘ระบบชำระแบบไม่เปิดเผยตัวตนบนพื้นฐานของบิตคอยน์’ โดยใช้เทคโนโลยี *การพิสูจน์แบบความรู้ศูนย์* ที่ถูกพัฒนาต่อเนื่องมายาวนานกว่า 6 ปีตั้งแต่ปี 2008 แม้ในช่วงแรกจะยังไม่เห็นกรณีใช้งานที่ชัดเจน แต่ทีมวิจัยเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีนี้สามารถต่อยอดใช้งานได้ในหลายวงการ

ช่วงหลังมีการพูดถึง *ซีแคช* กันอย่างคึกคักในโซเชียลมีเดีย โดยผู้ใช้งานคริปโตจำนวนมากไม่ได้มองว่าเป็นเพียงแค่ 'เหรียญที่เน้นความเป็นส่วนตัว' แต่กลับเห็นว่าเป็นหนึ่งใน *เทคโนโลยีสำคัญที่จะปกป้องข้อมูลผู้ใช้งานในยุคดิจิทัล* ซึ่งบทบาทนี้อาจส่งผลต่อทั้งแนวทางพัฒนาเทคโนโลยีในกลุ่ม *เหรียญปกปิดตัวตน (Privacy Coin)* และการผลักดันข้อเสนอด้านนโยบายที่เกี่ยวข้องในอนาคต

*ความคิดเห็น*: เมื่อประเด็นความเป็นส่วนตัวยังคงเป็นที่สนใจ และความเข้มงวดด้านกฎระเบียบยังเพิ่มสูงขึ้น การที่โครงการอย่างซีแคชสามารถยืนหยัดอย่างแข็งแกร่งย่อมสะท้อนถึงความสำคัญของการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสิทธิความเป็นส่วนตัวในโลกการเงินดิจิทัล