แบรนต์ชี้จิตวิญญาณบิตคอยน์(BTC)ได้ตายไปแล้ว หลังราคาร่วงต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์

บิตคอยน์(BTC) ได้ปรับตัวลดลงต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์อีกครั้ง ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ของนักเทรดระดับตำนานอย่าง ปีเตอร์ แบรนต์ ที่ออกมาระบุว่า ‘จิตวิญญาณของบิตคอยน์ได้ตายไปแล้ว’ เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่าบิตคอยน์ในปัจจุบันไม่ใช่ ‘ทรัพย์สินของประชาชน’ ดังที่เคยเป็นมา

แบรนต์ชี้ว่า การที่องค์กรภายใต้การกำกับดูแลเข้าถือครองบิตคอยน์ในปริมาณมาก ส่งผลให้ ‘ความเป็นอิสระ’ และ ‘การกระจายอำนาจ’ ที่เป็นหัวใจของบิตคอยน์ถูกทำลายโดยไม่รู้ตัว ตัวอย่างชัดเจนคือ สไตรเทจี(MSTR) ถือครองอยู่ถึง 641,692 BTC ขณะที่ มาราธอน ดิจิทัล มี 53,250 BTC, คอยน์เบส มี 14,548 BTC และเทสลา(TSLA) ถืออยู่ 11,509 BTC นอกจากนี้ยังมีการลงทุนผ่านกองทุน ETF ภายใต้การจัดการของสถาบันการเงินขนาดใหญ่เช่น แบล็คร็อก ที่ทั้งหมดต้องได้รับการอนุมัติจากบอร์ดและอยู่ภายใต้ข้อบังคับภายใน ทำให้สภาพคล่องของเหรียญเหล่านี้ยิ่งถูกจำกัดมากขึ้น

"บิตคอยน์เคยเป็นเงินตราแห่งเสรีภาพที่อยู่นอกกฎเกณฑ์ของรัฐ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นแค่ความฝันลวงตา" แบรนต์กล่าว เขายังระบุว่า เมื่อมีผู้เล่นรายใหญ่อย่างไมเคิล เซย์เลอร์ และกองทุน ETF เข้ามามีบทบาท เกมในตลาดก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง คำกล่าวนี้มีขึ้นในช่วงที่บิตคอยน์กลับตัวลง จากจุดสูงสุด 109,000 ดอลลาร์ มาอยู่ต่ำกว่า 98,200 ดอลลาร์ หลังจากไต่ขึ้นจากระดับ 73,700 ดอลลาร์ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา

ด้านไมเคิล เซย์เลอร์ ประธานบริษัทสไตรเทจี ได้ตอบโต้ข่าวลือเกี่ยวกับการขายบิตคอยน์ ผ่านการให้สัมภาษณ์กับ CNBC เมื่อวันที่ 24 โดยยืนยันว่า "ข่าวลือเรื่องการขายไม่เป็นความจริง เรายังคงซื้อบิตคอยน์เพิ่มอย่างต่อเนื่อง" พร้อมเสริมว่าพื้นฐานของบริษัทมีความแข็งแกร่งและจะเปิดเผยรายการซื้อเพิ่มเติมในเร็ว ๆ นี้

สำหรับตลาดในขณะนี้ยังคงอยู่ในภาวะชั่งใจ ระหว่างมุมมองของแบรนต์ที่มองว่า ‘จิตวิญญาณของบิตคอยน์’ ได้สูญหาย กับความมั่นใจที่ยังคงมีอยู่ในสายตาของผู้สนับสนุนกลุ่มหนึ่ง บางส่วนคาดว่าแนวรับสำคัญอาจถูกทะลุได้อีกครั้ง แต่ทิศทางโดยรวมยังไม่ชัดเจน

เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความซับซ้อนของบิตคอยน์ที่มากกว่าการเป็นทรัพย์สินเพื่อการลงทุน ขณะเดียวกัน การไหลเข้าของเงินทุนจากสถาบันอาจช่วยเพิ่มเสถียรภาพให้ระบบการเงิน แต่อีกด้านหนึ่งก็ยิ่งจุดประเด็นถึงคำถามว่า บิตคอยน์ยังคงเป็น ‘เงินของประชาชน’ ตามจิตวิญญาณดั้งเดิมอยู่หรือไม่ — ‘คำสำคัญ’ ที่อาจกำลังถูกท้าทายในยุคสมัยใหม่