OCC ชี้บริษัทคริปโตควรได้รับสิทธิ์ขอใบอนุญาตธนาคารเทียบเท่าสถาบันการเงินดั้งเดิม

ภายใต้บริบทของการเปลี่ยนแปลงในระบบการเงินสหรัฐ ความเห็นจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานควบคุมสกุลเงินสหรัฐ(OCC) ชี้ว่า *ไม่ควรมีเหตุผลใดที่บริษัทคริปโตจะถูกปฏิบัติแตกต่างจากสถาบันการเงินทั่วไป* เมื่อต้องการยื่นขอใบอนุญาตธนาคารของรัฐบาลกลาง โจนาธาน กูลด์ หัวหน้า OCC ระบุว่า บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลควรถูกพิจารณาเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน

เมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) ในการประชุมเกี่ยวกับบล็อกเชน กูลด์เปิดเผยว่า อินฟราสตรัคเจอร์ด้านการเงินอย่างการดูแลทรัพย์สิน (custody) และการปกป้องสินทรัพย์ ได้กลายเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์มานานหลายสิบปีแล้ว และบริษัทคริปโตหรือฟินเทคที่ยื่นขอจัดตั้งธนาคารใหม่นั้น *ไม่ควรถูกมองว่าแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญจากสถาบันแบบดั้งเดิม*

*“เราไม่ควรจำกัดธนาคารทรัสต์ให้อยู่กับเทคโนโลยีแบบเก่าในอดีต”* กูลด์กล่าว พร้อมเน้นว่า ระบบธนาคารควรมีศักยภาพในการพัฒนา *จากระบบสายโทรเลขสู่เทคโนโลยีบล็อกเชน*

สำนักงาน OCC เป็นหน่วยงานภายใต้กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ที่ทำหน้าที่ออกใบอนุญาตและกำกับดูแลธนาคารของรัฐบาลกลาง โดยที่ผ่านมา ได้แสดงท่าทีระมัดระวังต่อบริษัทคริปโต อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีบริษัทคริปโตเพียง 2 แห่งที่ได้รับใบอนุญาตจาก OCC ได้แก่ แองเคอเรจ ดิจิทัล(Anchorage Digital) ที่ได้รับอนุมัติในปี 2021 และ เอเรบอร์(Erebor) ที่ได้รับใบอนุญาตเบื้องต้นเมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา

กูลด์ยังเผยว่า ตั้งแต่ต้นปีนี้ OCC ได้รับคำขอจัดตั้งธนาคารใหม่แล้วจำนวน 14 ราย ซึ่งในนั้นมีบริษัทที่ดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับ *สินทรัพย์ดิจิทัล* อยู่ด้วย ตัวเลขดังกล่าวใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งชี้ให้เห็นว่า *บริษัทคริปโตและฟินเทคกำลังเร่งเข้าสู่ระบบการเงินแบบดั้งเดิม*

ความคิดเห็นที่ว่า บริษัทคริปโตไม่ควรถูกมองเพียงแค่เป็น *ปัจจัยเสี่ยง* แต่ควรถูกยอมรับว่าเป็น *แรงขับเคลื่อนสำคัญของอุตสาหกรรมการเงิน* กำลังได้รับการสนับสนุนมากขึ้น โดยคำกล่าวของกูลด์ครั้งนี้อาจเป็น *สัญญาณบวก* สำหรับการขยายใบอนุญาตธนาคารแก่ธุรกิจคริปโตในสหรัฐฯ ในอนาคต

ความคิดเห็น: หากแนวทางของ OCC ยังคงเปิดรับบริษัทคริปโตในลักษณะนี้ต่อไป การเตรียมความพร้อมในด้านกฎหมายและโครงสร้างการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับภารกิจธนาคาร เช่น บริการดูแลทรัพย์สินหรือบริหารจัดการสินทรัพย์ดิจิทัล อาจเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้บริษัทเข้าสู่ระบบอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น