สภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐเตรียมเข้าสู่ช่วงเวลา ‘สัปดาห์คริปโต’ ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10 ถึง 14 มิถุนายน โดยในช่วงเวลาดังกล่าวจะมีการหารือเกี่ยวกับร่างกฎหมายสำคัญด้านสินทรัพย์ดิจิทัลจำนวน 3 ฉบับ ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของทิศทางการกำกับดูแลคริปโตเคอร์เรนซีภายในประเทศ
การผลักดันกฎหมายในครั้งนี้อยู่ภายใต้การนำของพรรครีพับลิกัน ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่ชัดเจนและเป็นมิตรต่ออุตสาหกรรมคริปโต อย่างไรก็ตาม มีความเห็นว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้ยังสะท้อนยุทธศาสตร์ทางการเมือง ท่ามกลางการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำลังจะมาถึง
สำหรับร่างกฎหมายทั้งสามฉบับที่เตรียมเข้าสู่การพิจารณาของสภา มีเนื้อหาครอบคลุมการกำหนดนิยามทางกฎหมายของสินทรัพย์ดิจิทัล โครงสร้างของตลาด ตลอดจนเรื่องการคุ้มครองผู้บริโภคและอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานกำกับดูแล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ร่างกฎหมายจะช่วยคลี่คลายประเด็นสำคัญว่าคริปโตเคอร์เรนซีควรถูกจัดเป็น ‘หลักทรัพย์’ หรือ ‘สินค้าโภคภัณฑ์’ พร้อมทั้งแบ่งขอบเขตอำนาจระหว่างคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(SEC) และคณะกรรมาธิการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าแห่งสหรัฐ(CFTC) อย่างชัดเจน ซึ่งถือเป็นก้าวแรกสู่การบรรจุคริปโตเข้าสู่ระบบการกำกับดูแลหลัก
ขณะเดียวกัน ภาคเอกชนก็เร่งเดินหน้าล็อบบี้เพื่อผลักดันให้ร่างกฎหมายผ่านความเห็นชอบ ด้วยการสนับสนุนเงินทุนจำนวนหลายล้านดอลลาร์ในรูปแบบของเงินบริจาคทางการเมืองและการรณรงค์ทางนโยบาย โดยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทเทรดคริปโตขนาดใหญ่และองค์กรวิจัยที่เกี่ยวข้องได้มีการพบปะกับสมาชิกรัฐสภาหลายสิบราย เพื่อเน้นย้ำถึงความจำเป็นของกรอบกำกับดูแลที่เหมาะสม
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่ได้มีความสำคัญเฉพาะด้านกฎหมาย แต่ยังแสดงให้เห็นถึงมุมมองที่แตกต่างของสองพรรคใหญ่ต่อคริปโต ฝ่ายรีพับลิกันมุ่งเน้นการส่งเสริมอุตสาหกรรมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างงาน ขณะที่สมาชิกจากพรรคเดโมแครตบางส่วนให้น้ำหนักกับประเด็นความเสี่ยงและการคุ้มครองนักลงทุน อย่างไรก็ตาม แนวโน้มล่าสุดแสดงให้เห็นว่าสมาชิกรัฐสภาจากพรรคเดโมแครตจำนวนหนึ่งเริ่มแสดงท่าทีเปิดกว้างต่อคริปโตมากขึ้น ทำให้ความหวังใน ‘การออกกฎหมายแบบสองพรรค’ เริ่มเป็นไปได้จริง
ยิ่งไปกว่านั้น ท่าทีสนับสนุนคริปโตอย่างเปิดเผยของประธานาธิบดีทรัมป์ที่มีถี่ขึ้นในช่วงหลัง ยิ่งตอกย้ำว่าแนวทางของพรรครีพับลิกันในด้านนโยบายคริปโตสอดคล้องกับแนวคิดของทรัมป์โดยตรง ซึ่งอาจเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ในการดึงคะแนนเสียงจากกลุ่มคนรุ่นใหม่และผู้ทำงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในศึกเลือกตั้งที่จะมาถึง
สัปดาห์นี้จึงอาจกลายเป็นเวทีสำคัญที่สหรัฐจะตัดสินใจว่าคริปโตควรเข้าสู่ ‘กรอบกฎหมายอย่างเป็นทางการ’ หรือไม่ โดยผู้เกี่ยวข้องในตลาดต่างจับตามองอย่างใกล้ชิด เนื่องจากผลลัพธ์ของการลงมติอาจเป็นตัวกำหนดกรอบการกำกับดูแลคริปโตเคอร์เรนซีในสหรัฐสำหรับอีกหลายปีข้างหน้า
ความคิดเห็น 0