บิตเลเยอร์(Bitlayer) สตาร์ทอัปผู้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดีไฟบนเครือข่ายบิตคอยน์(BTC) ได้ประกาศเปิดตัว ‘BitVM’ บริดจ์สำหรับสมาร์ตคอนแทรกต์บนเมนเน็ตอย่างเป็นทางการเมื่อไม่นานมานี้ โดยโครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากแฟรงคลิน เทมเพิลตัน และมุ่งเน้นการเพิ่มศักยภาพการใช้งานบิตคอยน์ในสภาพแวดล้อมแบบครอสเชนผ่านการเชื่อมต่อกับหลากหลายบล็อกเชน
BitVM บริดจ์ของบิตเลเยอร์เป็นโซลูชันบริดจ์เฉพาะสำหรับบิตคอยน์ที่ออกแบบมาเพื่อลดความต้องการในด้านความไว้วางใจ โดยผู้ใช้งานสามารถฝากบิตคอยน์เพื่อออกโทเคนเพก YBTC (Peg-BTC) ซึ่งโทเคนนี้สามารถใช้งานได้บนเครือข่ายที่รองรับสมาร์ตคอนแทรกต์ เช่น อีเธอเรียม(ETH) และโซลานา(SOL)
ในปัจจุบัน บิตเลเยอร์ได้ดำเนินการเชื่อมต่อกับเครือข่ายหลายแห่งแล้ว เช่น ซุย(Sui), เบส(Base) และอาร์บิทรัม(Arbitrum) ทั้งในระดับ L1 และ L2 โฆษกของบริษัทระบุว่า "บริดจ์ BitVM มีเป้าหมายเพื่อขยายระบบนิเวศดีไฟบนพื้นฐานของบิตคอยน์ และแก้ไขข้อจำกัดของบิตคอยน์ที่ไม่สามารถรองรับสมาร์ตคอนแทรกต์แบบซับซ้อนได้โดยตรง" พร้อมเสริมว่า BitVM สามารถขยายสภาพคล่องของบิตคอยน์(BTC) ไปยังเชนอื่นได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงโปรโตคอลต้นทาง
แม้จะมีความก้าวหน้า แต่การใช้งานบริดจ์ข้ามเชนก็ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องเฝ้าระวังด้านความปลอดภัย โดยในปี 2022 บริดจ์วอร์มโฮลเคยถูกแฮ็ก ทำให้มีเงินถูกขโมยไปกว่า 3.21 ร้อยล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4,459 ล้านบาท) ซึ่งสามารถกู้คืนมาได้เพียงบางส่วนเท่านั้น
เพื่อยกระดับความปลอดภัย บิตเลเยอร์เลือกใช้ ‘ระบบลายเซ็นเดี่ยว’ แทนโมเดลเดิมที่ใช้ลายเซ็นหลายฝ่าย (multi-sig) พร้อมระบุว่าโครงสร้างใหม่นี้ได้เรียนรู้จากโมเดลแบบเดิม และนำมาปรับปรุงให้แข็งแรงยิ่งขึ้น
ท่ามกลางแนวโน้มที่บิตคอยน์เริ่มขยับเข้าสู่โลกของดีไฟด้วยการพัฒนาอย่างเช่นการอัปเกรดแท็ปรูต (Taproot) และการใช้อินสคริปชัน (Inscriptions) โครงการที่แข่งขันในตลาดนี้จึงเริ่มปรากฏตัวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น บาบิลอนเชน(BabylonChain) ที่รองรับสเตกกิง, สแตกส์(Stacks) ที่ให้รางวัลเป็นบิตคอยน์ หรือแม้แต่บาวน์สบิต(BounceBit) ที่ให้บริการรีสเตกกิง
ขณะนี้บิตเลเยอร์มีทรัพย์สินฝากในโปรโตคอลมูลค่าประมาณ 384 ล้านดอลลาร์ (ราว 5,348 ล้านบาท) โดยในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้รับรายได้จากค่าธรรมเนียมรวม 1.7 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 23.63 ล้านบาท) ขณะที่คู่แข่งอย่างบาบิลอนโปรโตคอล มียอดเงินฝากรวมสูงถึง 5.2 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 72,280 ล้านบาท) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างด้านขนาดอย่างชัดเจน
เมื่อบิตคอยน์เริ่มเปิดประตูสู่ดีไฟ ความสนใจจึงพุ่งเป้าไปยังประเด็นว่าโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้จะสามารถชดเชยความ ‘ไม่ยืดหยุ่น’ และฟังก์ชันที่จำกัดของบิตคอยน์ได้มากน้อยเพียงใด ‘บริดจ์, สเตกกิง และรีสเตกกิง’ กำลังกลายเป็นกลไกหลักในการนิยามบทบาทใหม่ของสินทรัพย์แบบดั้งเดิมอย่างบิตคอยน์ในโลกคริปโต
ความคิดเห็น 0