บิตคอยน์(BTC) กำลังอยู่ในสถานะที่ราคาส่วนใหญ่ของเหรียญที่ถือครองอยู่สามารถทำกำไรได้ โดยล่าสุดมีสัดส่วน *กระเป๋าที่อยู่ในสถานะกำไร (In the Money)* สูงถึง 98% ซึ่งสร้างกระแส *ความคาดหวังในแนวโน้มขาขึ้น* อย่างต่อเนื่องในตลาด ในขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์บางรายก็เริ่มออกมาเตือนถึง *ความเสี่ยงของการปรับฐานในระยะสั้น* จากแรงขายทำกำไร
ตามรายงานล่าสุดของ Glassnode แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลบล็อกเชน เมื่อระหว่างวันที่ 22-29 มิถุนายน สัดส่วนกระเป๋าบิตคอยน์ที่อยู่ในสถานะกำไรได้พุ่งขึ้นจาก 87% เป็น 98% ก่อนที่ในวันที่ 1 กรกฎาคม ตัวเลขจะปรับลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 96.65% แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับสูงมาก
โดยทั่วไปแล้ว เมื่อบิตคอยน์มีสัดส่วนอยู่ในสถานะกำไรสูงแบบนี้ ตลาดมักจะแสดง *ความผันผวน* มากขึ้น เนื่องจากผู้ถือครองมีแนวโน้มขายทำกำไรในระดับราคาสูง ซึ่งถึงแม้จะชี้ถึง *โมเมนตัมขาขึ้น* ที่ยังแข็งแกร่ง แต่ก็อาจนำไปสู่ *การปรับฐานราคาอย่างฉับพลัน* ได้
หากย้อนกลับไปดูข้อมูลเมื่อวันที่ 21 มกราคม ที่บิตคอยน์เคยมีสัดส่วนสถานะกำไรทะลุ 98% ในครั้งนั้น ราคาบิตคอยน์เคยแตะระดับ 109,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1,515,100 บาท) ก่อนจะร่วงลงมาแตะเพียง 74,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1,028,800 บาท) ทำให้หลายฝ่ายเห็นว่า การขายทำกำไรในช่วงราคาสูงอาจเป็นปัจจัยหลักที่กดดันราคาให้ตกลงมา
ด้านนักวิเคราะห์สายบล็อกเชนยังคงมองภาพระยะยาวในเชิงบวก โดยหลายรายเชื่อว่าบิตคอยน์อาจพุ่งไปแตะระดับ *200,000 ดอลลาร์ (ราว 2,780,000 บาท)* ได้ภายในช่วงปลายปี 2025 อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขสำคัญคือต้องมีแรงซื้อที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการรักษาแนวโน้มขาขึ้นเอาไว้ให้ได้
*ความคิดเห็น*: แม้บิตคอยน์จะมีแนวโน้มขาขึ้นในระยะกลางถึงยาว แต่ช่วงเวลาที่มีผลกำไรสูงในวงกว้างก็มักตามมาด้วยการขายออก จึงไม่ควรมองข้าม *ความเสี่ยงของการผันผวน* โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนระยะสั้น การวางกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่นและการจัดการความเสี่ยงจะมีความสำคัญมากขึ้นในช่วงเวลานี้
ความคิดเห็น 0