ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ประจำเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ตรงตามการคาดการณ์ของตลาด อย่างไรก็ตามระดับดังกล่าวนับเป็นตัวเลขที่ *สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์* ชี้ให้เห็นว่า ‘อัตราเงินเฟ้อกำลังชะลอตัวลงช้ากว่าที่นักวิเคราะห์คาด’ ซึ่งผลลัพธ์นี้กระตุ้นให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีแนวโน้ม *คงอัตราดอกเบี้ยไว้นานขึ้น* สะเทือนไปถึงตลาดคริปโตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ราคาบิตคอยน์(BTC) ร่วงลงประมาณ 6% หลังรายงานดังกล่าวถูกเผยแพร่ โดยลดลงจากระดับสูงสุดที่ 123,300 ดอลลาร์ (ราว 1,712.5 ล้านบาท) มาอยู่ที่ประมาณ 116,227 ดอลลาร์ (ราว 1,615 ล้านบาท) ซึ่ง *สะท้อนความกังวลของนักลงทุนที่เชื่อว่าการปรับลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนอาจไม่เกิดขึ้นตามที่คาดไว้* ทั้งนี้ ตลาดฟิวเจอร์สดอกเบี้ยระบุว่า ความเป็นไปได้ของการลดดอกเบี้ยลดลงจาก 80% เหลือเพียง 60%
บริษัทวิเคราะห์ตลาดอย่างบิทยูนิกซ์(Bitunix) ระบุว่า บิตคอยน์เข้าสู่ช่วง ‘แรงขายระยะสั้นหลังจากพุ่งทะลุระดับแนวต้าน’ พร้อมชี้ว่าบริเวณราคา 117,000-116,300 ดอลลาร์ (ประมาณ 1,624.3-1,610.7 ล้านบาท) คือแนวรับสำคัญ *หากราคาหลุดจากโซนนี้ เป้าหมายถัดไปจะอยู่ที่ 110,500 ดอลลาร์ (ราว 1,465.5 ล้านบาท)*
*ความไม่แน่นอนด้านการเมืองก็เป็นอีกหนึ่งแรงกดดันต่อภาพรวมตลาด* โดยประธานาธิบดีทรัมป์ได้ออกมาตำหนิประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ อย่างเจอโรม พาวเวลล์(Jerome Powell) ว่าเป็น “คนที่แย่ที่สุด” ทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าอาจมีการเปลี่ยนตัวประธานเฟดในอนาคต โจร์จ ซาราเวลโลส นักวิเคราะห์จากดอยเชอแบงก์เตือนว่า “หากพาวเวลล์ถูกถอดออกจากตำแหน่ง ค่าเงินดอลลาร์อาจร่วงลงได้ 3-4% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น”
หากอัตราเงินเฟ้อยังไม่ลดลงอย่างรวดเร็ว แนวโน้ม ‘อัตราดอกเบี้ยระดับสูงที่คงอยู่นาน’ ก็อาจกลายเป็นความจริง ซึ่งจะสร้างแรงกดดันระลอกใหม่ต่อสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างบิตคอยน์และอีเธอเรียม(ETH) โดยเฉพาะในภาวะที่นักลงทุนหันไปหา ‘สินทรัพย์ปลอดภัย’ อย่างพันธบัตร ความน่าดึงดูดของสินทรัพย์เสี่ยงสูงอย่างคริปโตก็จะยิ่งลดลง
*แม้รายงาน CPI ครั้งนี้จะไม่สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่* แต่นักวิเคราะห์มองว่า ตลาดยังคงเผชิญกับความผันผวนสูงจากการผสมผสานทั้ง ‘ความไม่แน่นอนด้านนโยบาย’ และ ‘ความเสี่ยงทางการเมือง’ หมายความว่าตลาดคริปโตยังไม่อาจวางใจได้ในระยะใกล้นี้
ความคิดเห็น 0