การเคลื่อนไหวล่าสุดของสำนักงานชำระหนี้และฝากหลักทรัพย์สหรัฐ (DTCC) ที่มีการขึ้นทะเบียนชื่อกองทุน ETF แบบสปอตซึ่งเกี่ยวข้องกับริปเปิล(XRP), โซลานา(SOL) และเฮเดรา(HBAR) บนระบบของตนเอง กำลังเรียกความสนใจจากนักลงทุนในวงการคริปโต โดยมีความคาดหวังว่าคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) อาจอนุมัติ ETF เหล่านี้ในไม่ช้า อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่านี่อาจเป็นการมองในแง่ดีเกินไป และเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการตีความอย่างระมัดระวัง
ตามรายงาน ETF ที่ถูกระบุในระบบของ DTCC ได้แก่ โซลานา ETF(FSOL) ของฟิเดลีตี้, ริปเปิล ETF(XRPC) ของแคนนารี และเฮเดรา ETF(HBR) การขึ้นทะเบียนดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในขั้นตอนการเตรียมตัวเพื่อการซื้อขาย อย่างไรก็ตาม *การจดชื่อในระบบ DTCC ไม่ได้หมายความว่ารายการเหล่านี้ได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการจาก SEC* — ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่จำเป็นก่อนที่ ETF จะสามารถเริ่มซื้อขายในตลาดได้จริง
เนต เจอราซี(Nate Geraci) ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันวิจัย ETF Institute ระบุว่า “การที่ชื่อของ ETF เหล่านี้ปรากฏในระบบของ DTCC ไม่สามารถตีความว่าได้รับอนุมัติจากตลาดแล้ว” พร้อมย้ำว่าอำนาจตัดสุดท้ายยังคงอยู่ที่ทาง SEC ขณะที่นักวิเคราะห์ ETF ของ Bloomberg อย่างเอริก บัลชูนา(Eric Balchunas) และเจมส์ เซย์เฟิร์ต(James Seyffart) ต่างก็ให้ความเห็นในทำนองเดียวกัน โดย *ยืนยันว่ายังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ในแง่ของกฎระเบียบ*
ในขณะนี้ มีการยื่นคำร้องขอ ETF ที่เกี่ยวข้องกับ XRP เข้ามาหลายรายการ แม้ว่าเมื่อไม่นานมานี้มีการเลื่อนการตัดสินใจของหนึ่งในคำขอเหล่านั้น ตลาดยังคงมองในเชิงบวกต่อความเป็นไปได้ในการอนุมัติ ETF ประเภทนี้ โดยตามข้อมูลจากโพลีมาร์เก็ต(Polymarket) ตลาดคาดการณ์แบบกระจายอำนาจ ชี้ว่าความเป็นไปได้ที่ริปเปิล ETF จะได้รับอนุมัติภายในปีนี้อยู่ที่ *93%* ขณะที่ความคาดหวังต่อโซลานา ETF พุ่งสูงยิ่งกว่า โดยความเป็นไปได้แตะเกือบ *100%*
แม้การขึ้นทะเบียนกับ DTCC จะเป็นเพียงขั้นตอนเริ่มต้นในระบบเท่านั้น แต่นักลงทุนบางส่วนกลับตีความว่าเป็น ‘สัญญาณ’ เชิงบวก ซึ่งกระตุ้นอารมณ์และความมั่นใจในตลาด อย่างไรก็ดี *การตัดสินใจขั้นสุดท้ายยังคงอยู่ในมือของหน่วยงานกำกับดูแล* จึงควรมีการประเมินสถานการณ์อย่างมีสติ ไม่ใช่เพียงการคาดหวังล่วงหน้า การวางตำแหน่งของ SEC ยุคปัจจุบัน ซึ่งเน้นความถูกต้องตามกระบวนการและความโปร่งใสทางกฎหมาย ยังแตกต่างจากช่วงนโยบายของ ‘ประธานาธิบดีทรัมป์’ ซึ่งมีท่าทีเปิดกว้างต่อคริปโตมากกว่า ทำให้การประเมินสถานการณ์นี้ควรอยู่บนฐานความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น
ความคิดเห็น 0