โดจคอยน์(DOGE) กำลังแสดงสัญญาณตลาดขาขึ้นอย่างชัดเจน หลังจากทะลุแนวต้านในรูปแบบ ‘สามเหลี่ยมสมมาตร’ ซึ่งก่อตัวมายาวนานหลายเดือน โดยในช่วง 7 วันที่ผ่านมา ราคาโดจคอยน์พุ่งขึ้นเกือบ 40% เทียบกับผลตอบแทนเฉลี่ยของตลาดคริปโตที่เพิ่มขึ้นเพียง 8% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแรงซื้ออย่าง ‘เหนือระดับ’
ปัจจัยที่หนุนให้เกิดการพุ่งของราคาในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นแค่เพียงการเบรกกราฟทางเทคนิค แต่ยังรวมถึงปริมาณการซื้อขายที่พุ่งสูงกว่าเดิมถึง 3 เท่า บ่งชี้ถึงการไหลเข้าของแรงซื้อที่มี ‘นัยสำคัญ’ และภาวะความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่กำลังเปลี่ยนไปในทางบวก สำหรับรูปแบบกราฟสามเหลี่ยมสมมาตรนั้น ตามหลักเทคนิคมักหมายถึงช่วงสะสมพลัง ซึ่งเมื่อเกิดการทะลุแนวบนแล้ว อาจตามมาด้วยการวิ่งขึ้นแบบต่อเนื่อง
การเคลื่อนไหวของโดจคอยน์ในครั้งนี้ ยังถูกมองว่าเป็น ‘สัญลักษณ์แห่งการกลับมา’ ของกลุ่มเหรียญมีมที่เคยซบเซาไปช่วงหนึ่ง โดยมีความเคลื่อนไหวจากผู้ถือรายใหญ่หรือวาฬเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แพลตฟอร์มติดตามธุรกรรมอย่าง Lookonchain รายงานว่า พบการโยกย้ายโดจคอยน์มูลค่าหลายหมื่นล้านวอนจากวอลเล็ตของนักลงทุนรายใหญ่ ซึ่งอาจสะท้อนถึงการจัดพอร์ตเชิงกลยุทธ์ มากกว่าการเก็งกำไรระยะสั้นเพียงอย่างเดียว
ในขณะที่บิตคอยน์(BTC) และอีเธอเรียม(ETH) ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ การทะยานของโดจคอยน์จึงอาจบ่งชี้ถึง ‘การเปลี่ยนผู้นำ’ ภายในตลาด อีกทั้งการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุนทั้งโปรเจกต์ NFT และเหรียญมีม ก็ได้เพิ่มความน่าสนใจและความเคลื่อนไหวในฝั่งการเมือง ซึ่งอาจเป็นปัจจัยหนุนแนวโน้มของตลาดเหรียญมีมในระยะใกล้
แม้ภาพรวมดูดี แต่ต้องยอมรับว่า ‘ความผันผวน’ ของโดจคอยน์ยังอยู่ในระดับสูง นักวิเคราะห์ระบุว่า ราคามีโอกาสเผชิญ ‘แรงขายทำกำไร’ และเกิดการปรับฐานได้ทุกเมื่อ การยืนเหนือระดับแนวต้านล่าสุดได้อย่างมั่นคงจะเป็นตัวตัดสินว่า สัญญาณกลับตัวขาขึ้นนั้น ‘ยั่งยืนจริง’ หรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าปริมาณซื้อขายและแรงซื้อจะสามารถรักษาระดับได้ต่อเนื่องเพียงใดในช่วงถัดไป
ความคิดเห็น 0