สหภาพยุโรป(EU) เตรียมบังคับใช้กฎระเบียบป้องกันการฟอกเงินชุดใหม่ในปี 2027 ซึ่งจะส่งผลให้คริปโตที่เน้น ‘ความเป็นส่วนตัว’ และ ‘การใช้งานแบบไม่เปิดเผยตัวตน’ ไม่สามารถให้บริการได้อีกต่อไป โดย ‘โมเนโร(XMR)’ ซึ่งเป็นเหรียญที่ไม่สามารถตรวจสอบธุรกรรมได้ ถูกจับตามองว่าอาจโดนแบนหรือถูกจำกัดการใช้งานอย่างเข้มงวด ขณะที่อุตสาหกรรมคริปโตในยุโรปเริ่มแสดงความกังวลต่อทิศทางของกฎหมายใหม่นี้
ตามรายงานที่เผยแพร่เมื่อพฤษภาคมที่ผ่านมา กฎหมาย ‘ว่าด้วยการป้องกันการฟอกเงิน’ หรือ AMLR ของสหภาพยุโรป ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในปี 2027 ได้กำหนดให้ ‘ธนาคาร, สถาบันการเงิน และผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัล (CASP)’ ต้องยุติ ‘การเปิดบัญชีแบบไม่เปิดเผยตัวตน’ และ ‘การให้บริการคริปโตที่ไม่มีการตรวจสอบตัวตน’ อย่างเต็มรูปแบบ *การแบนคริปโตแบบส่วนตัวนี้* มีเป้าหมายเพื่อป้องกันไม่ให้มีการใช้เงินคริปโตในการลักลอบเคลื่อนย้ายเงินผิดกฎหมาย ซึ่งถือเป็นความพยายามตัดตอนการทำธุรกรรมส่วนบุคคลที่รัฐไม่สามารถควบคุมได้
อันยา ไบลาย(Anja Blaj) ที่ปรึกษากฎหมายอิสระจากองค์กร European Crypto Initiative (EUCI) กล่าวในรายการ Cointelegraph X ว่า “รัฐบาลของทั้งสหรัฐฯ และยุโรป ต่างให้ความสำคัญกับการควบคุมอุตสาหกรรมคริปโตภายใต้กรอบกฎหมาย ซึ่งจำเป็นต้องรู้จักตัวตนของผู้ทำธุรกรรม” พร้อมเสริมว่าเจตนารมณ์เหล่านี้ไม่ใช่แค่เพื่อต่อต้านอาชญากรรมเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงการสร้างกลไกกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพ
เหรียญความเป็นส่วนตัว เช่น *โมเนโร(XMR)* ซึ่งออกแบบมาให้ไม่มีผู้ใดนอกจากผู้ทำธุรกรรมสามารถตรวจสอบเส้นทางของเงินได้ เคยเป็นสัญลักษณ์ของเสรีภาพทางการเงินสำหรับผู้ใช้งานบางกลุ่ม ทว่าในสายตาของหน่วยงานกำกับดูแล กลับถูกมองว่าเป็นช่องทางอำนวยความสะดวกในการปกปิดแหล่งที่มาของเงินอย่างผิดกฎหมาย *ความคิดเห็น* การเผชิญหน้าระหว่างแนวคิด ‘คริปโตแบบไร้ศูนย์กลาง’ กับ ‘ความโปร่งใสในการทำธุรกรรมเพื่อความปลอดภัยสาธารณะ’ กำลังเข้าสู่ทางแยกสำคัญ
อุตสาหกรรมคริปโตทั่วทั้งยุโรปอาจต้องยกระดับการปรับตัวตลอดช่วงเวลาที่เหลือก่อนได้รับผลกระทบอย่างเต็มรูปแบบจากกฎหมาย AMLR ในปี 2027 หากยุโรปสามารถใช้มาตรการนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็มีโอกาสที่ประเทศในสหรัฐฯ และเอเชียอาจเดินตามรอยเช่นกัน ซึ่งอาจกระทบต่อระบบนิเวศของคริปโตสายความเป็นส่วนตัวในระดับโลกอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ความคิดเห็น 0