GSR เปิดตัว 5 กองทุน ETF ใหม่ เจาะตลาดคริปโตผ่านบริษัทที่ถือครองบิตคอยน์(BTC) และอีเธอเรียม(ETH)

วอลล์สตรีทอาจจะได้เห็นกองทุน ETF ที่เน้นลงทุนในบริษัทคลังสินทรัพย์ดิจิทัลในไม่ช้า เมื่อ GSR บริษัทเทรดคริปโตระดับโลก เตรียมเปิดตัว ETF ทั้งหมด 5 กอง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ‘กองทุน ETF บริษัทคลังสินทรัพย์ดิจิทัล’ ที่จะลงทุนในบริษัทที่ถือครองบิตคอยน์(BTC) หรืออีเธอเรียม(ETH) ไว้บนงบดุล

ตามเอกสารที่ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ETF ดังกล่าวจะลงทุนในบริษัทอย่าง สแตรทีจี(Strategy) ที่เข้าซื้อบิตคอยน์ และ บิทไมน์ อิมเมอร์ชัน เทคโนโลยีส์(BitMine Immersion Technologies) ที่ถือครองอีเธอเรียม โดยจะไม่ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลโดยตรง แต่เลือกลงทุนทางอ้อมผ่านบริษัทที่นำสินทรัพย์คริปโตไปบันทึกในฝ่ายการเงิน เป้าหมายคือการสะท้อนการเติบโตของตลาดคริปโตในแบบที่หลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการถือครองเหรียญโดยตรง

นอกจากกองทุนนี้ GSR ยังวางแผนเปิดตัว ETF เพิ่มเติมอีก 4 กอง รวมถึงกองทุนที่มุ่งเน้นอีเธอเรียมและสินทรัพย์สเตคกิ้ง (Staking), และกองทุนที่ผสมผสานราคาของบิตคอยน์, อีเธอเรียม และโซลานา(SOL) กลยุทธ์การกระจายตัวลักษณะนี้สะท้อนว่า GSR กำลังใช้โอกาสนี้เพื่อทดลองแนวทางหลากหลายในตลาด ETF ที่ตนเองยังไม่เคยเข้ามาก่อน

ด้วยกระแสความสนใจที่เพิ่มขึ้นต่อ ‘ETF ที่เน้นบริษัทคริปโต’ ทำให้นักลงทุนมองว่านี่คือโมเดลใหม่ในการเข้าถึงเหรียญดิจิทัลผ่านแนวทางที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มบริษัทที่นำบิตคอยน์หรืออีเธอเรียมไปไว้ในคลังแบบระยะยาวเพื่อสร้างผลตอบแทนอย่างมั่นคง ความเห็นหนึ่งชี้ว่า ‘โมเดลคลังสินทรัพย์ดิจิทัล’ กำลังกลายเป็นแนวทางใหม่ที่ได้รับเงินลงทุนอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีนักวิเคราะห์บางรายเตือนว่าการขยายการลงทุนไปยัง ‘อัลต์คอยน์’ เพื่อแสวงหาผลตอบแทนสูงอาจนำไปสู่ความร้อนแรงเกินไปในบางจุด พร้อมเสี่ยงต่อโครงสร้างของกองทุน

GSR ระบุในเอกสารว่า ภายใต้เงื่อนไขตลาดปกติ กองทุนนี้จะลงทุนอย่างน้อย 80% ของสินทรัพย์สุทธิในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนที่ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลบนงบดุล พร้อมเน้นว่าแนวทางของตนจะเป็นแบบ ‘อักโนสติก (agnostic)’ กล่าวคือไม่ยึดติดกับเหรียญหลักใดเป็นพิเศษเพื่อความยืดหยุ่นในการจัดพอร์ต

แม้ขณะนี้ทาง SEC ยังไม่อนุมัติ ETF ชุดนี้ แต่การที่ GSR ยื่นกองทุน 5 รายการพร้อมกัน ถือเป็นความพยายามที่น่าจับตามองในการเชื่อมโยงโลกการเงินดั้งเดิมเข้ากับคริปโตอย่างมีชั้นเชิง นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่อาจเปลี่ยนมุมมองของนักลงทุนต่อสินทรัพย์ดิจิทัลในเชิงโครงสร้าง