Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

วาฬอินไซด์เทขายบิตคอยน์(BTC) กว่า 392 ล้านดอลลาร์ จุดชนวนวิตกตลาดคริปโต

วาฬอินไซด์เทขายบิตคอยน์(BTC) กว่า 392 ล้านดอลลาร์ จุดชนวนวิตกตลาดคริปโต / Tokenpost

นักลงทุนคริปโต ‘วาฬอินไซด์เดอร์’ รายหนึ่ง ซึ่งเคยทำกำไรอย่างมหาศาลจากการคาดการณ์ราคาบิตคอยน์(BTC) ดิ่งลงอย่างแม่นยำ กำลังสร้างความวิตกในตลาดอีกครั้ง หลังพบว่าเขาได้เพิ่มการถือครองสถานะขายล่วงหน้าอย่างมีนัยสำคัญ คิดเป็นมูลค่ากว่า 392 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 5,449 ล้านบาทในช่วงล่าสุด

นักวิเคราะห์คริปโตชื่อ เจคอบ คิง(Jacob King) เปิดเผยว่า นักลงทุนรายนี้เคยสร้างความฮือฮาจากการเปิดสถานะขายล่วงหน้าขนาดใหญ่อย่างแม่นยำ ก่อนที่ราคาบิตคอยน์จะตกลงในช่วงก่อนหน้า ซึ่งส่งผลให้เขาทำกำไรไปถึง 192 ล้านดอลลาร์ หรือราว 2,669 ล้านบาท ในครั้งนี้ เขาได้เพิ่มสถานะเดิมขึ้นอีก 140% คิงเตือนว่า “การพังทลายของบิตคอยน์เวอร์ชัน 2.0 อาจกำลังมาถึง”

กระเป๋าเงินดิจิทัลของนักลงทุนรายดังกล่าวได้รับฉายาจากวงในว่าเป็น ‘วาฬทรัมป์อินไซด์เดอร์’ โดยอ้างอิงจาก Arkham Intelligence กระเป๋านี้เพิ่งเทขายบิตคอยน์และอีเธอเรียม(ETH) ล่วงหน้า มูลค่ารวมกว่า 1,050 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.45 หมื่นล้านบาท) และคาดว่าได้รับกำไรจากการเทขายครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านดอลลาร์ หลังจากราคาดิ่งลงในภายหลัง

ต่อมาที่อยู่เดียวกันนี้ยังได้ฝากเหรียญ USDคอยน์(USDC) มูลค่า 40 ล้านดอลลาร์ บนแพลตฟอร์ม Hyperliquid และใช้เงินดังกล่าวเปิดสถานะขายบิตคอยน์เพิ่มอีก 127 ล้านดอลลาร์ ทำให้มูลค่าการเทขายทั้งหมดทะลุ 300 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 4,170 ล้านบาท

ข้อมูลจาก StarPlatinum เผยว่ากระเป๋าเงินใบนี้ถือครองทรัพย์สินมากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.39 แสนล้านบาท โดยรวมทั้งบิตคอยน์กว่า 46,000 เหรียญ และการสเตกอีเธอเรียมในปริมาณมหาศาล กลายเป็นจุดสนใจเมื่อพบว่า เขาเคยเปิดสถานะขายขนาดใหญ่ก่อนการแถลงภาษีนำเข้าจากประธานาธิบดีทรัมป์เพียง 30 นาที ซึ่งสร้างผลตอบแทนจำนวนมาก และจุดชนวนข้อสงสัยว่าอาจมีการใช้ข้อมูลภายใน

กระเป๋านี้ยังเชื่อมโยงกับชื่อโดเมน ‘garrettjin.eth’ ซึ่งมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าอาจเกี่ยวข้องกับอดีตซีอีโอของ BitForex คือ แกร์เรตต์ จิน(Garrett Jin) อย่างไรก็ตาม จินออกมาปฏิเสธความเชื่อมโยงอย่างหนักแน่น ถึงกระนั้น รูปแบบการซื้อขายของกระเป๋านี้—ตั้งแต่การฝาก USDC ขนาดใหญ่, การเปิดสถานะขายก่อนข่าวสำคัญ และการถอนเงินหลังราคาดิ่ง—ยังคงยิงสปอตไลต์แห่งความสงสัยจากชุมชนคริปโตอย่างต่อเนื่อง

ด้านนักวิเคราะห์บางรายได้ออกมาเตือนถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ เช่น EGRAG CRYPTO ระบุว่า “หากวาฬรายนี้สามารถทำกำไรได้อีกจากการเคลื่อนไหวทางนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ นี่ไม่ควรถูกมองข้าม และควรได้รับการสอบสวนโดยทันที” ขณะที่ ยานิส คลูเก(Janis Kluge) จากสถาบัน SWP ในเบอร์ลิน ให้ความเห็นว่า “นี่คือภาพสะท้อนของตลาดที่ไร้การกำกับดูแล ซึ่งการซื้อขายโดยใช้ข้อมูลวงใน, การทุจริต และอาชญากรรมเดินเคียงคู่กันอย่างน่าหดหู่”

ขณะเดียวกัน ปรากฏว่าหลังเหตุการณ์ราคาร่วง มีผู้ใช้งาน Hyperliquid อย่างน้อย 250 รายที่สูญเสียสถานะ ‘เศรษฐีคริปโต’ และยังมีผู้ลงทุนอีกหลายรายหันไปใช้กลยุทธ์เสี่ยงสูงแบบเลเวอเรจ 40 เท่า ทางด้านไบแนนซ์ออกมาปฏิเสธว่าระบบไม่ได้มีปัญหาใด ๆ และยืนยันว่าการชดเชยกว่า 283 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3,939 ล้านบาท ได้ถูกจัดการตามขั้นตอนแล้ว

กรณีนี้กำลังถูกมองว่าเป็นมากกว่าการเคลื่อนไหวของวาฬรายหนึ่ง แต่เป็นการตอกย้ำช่องโหว่ของโครงสร้างตลาดคริปโต ที่เปิดโอกาสให้การเก็งกำไรด้วยข้อมูลลับสามารถเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยปราศจากการควบคุมที่เพียงพอ ‘ความแม่นยำของจังหวะ, ขนาดการลงทุน และผลตอบแทน’ ทำให้สถานะของวาฬอินไซด์รายนี้ ยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อการเรียกร้องให้มีการกำกับดูแลตลาดดิจิทัลอย่างจริงจังขึ้นกว่าเดิม.

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1