แม็กซ์ ไคเซอร์ ผู้สนับสนุนบิตคอยน์(BTC) ออกมาเน้นย้ำถึงความ ‘เหนือกว่า’ ของบิตคอยน์ในฐานะเครื่องมือในการเก็บมูลค่า โดยระบุว่าบิตคอยน์ทำผลงานได้ดีกว่า *ทองคำ* และ *เงิน* อย่างชัดเจน เขากล่าวว่า “บิตคอยน์คือม้าที่เร็วที่สุดในทุกสินทรัพย์” พร้อมชี้ว่าทรัพย์สินการลงทุนแบบดั้งเดิมกำลังสูญเสียความน่าสนใจเมื่อเปรียบเทียบกับความหายากและความคงทนของบิตคอยน์
จากระดับราคาเพียง 1 ดอลลาร์ไปสู่ 100,000 ดอลลาร์ บิตคอยน์แสดงให้เห็นถึงพลังของ *ความหายากแท้จริง* ซึ่งไคเซอร์มองว่าเป็นปัจจัยชี้ขาดในตลาดการเงิน เขาย้ำว่าจำนวนบิตคอยน์ทั้งหมดมีจำกัดอยู่ที่ 21 ล้านเหรียญ ต่างจากทองคำหรือเงินที่การผลิตยังคงไม่แน่นอนและอาจเพิ่มมากขึ้นในอนาคต จึงทำให้บิตคอยน์มีคุณสมบัติที่โดดเด่นในฐานะสินทรัพย์ที่เก็บรักษามูลค่าในระยะยาว
“ไม่มีทองหรือเงินน่ะเหรอ? ไม่เป็นไร เก็บบิตคอยน์ไว้เถอะ” ไคเซอร์ระบุ พร้อมกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงของภูมิทัศน์เศรษฐกิจที่นำไปสู่ *กรอบแนวคิดใหม่ด้านสินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งมีบิตคอยน์เป็นศูนย์กลาง* เขาวิเคราะห์ว่า บิตคอยน์ได้ช่วยเปิดหูเปิดตานักลงทุนทั่วโลกให้เริ่มตระหนักถึงคุณค่าของทรัพย์สินที่ไม่เสื่อมค่าและมีจำนวนจำกัด จนนำไปสู่การประเมินมูลค่าทองคำและเงินกันใหม่ในวงกว้าง
แม้ราคาทองคำและเงินจะพุ่งขึ้นแตะ 4,100 ดอลลาร์ และ 52 ดอลลาร์ตามลำดับเมื่อไม่นานมานี้ ไคเซอร์มองว่านั่นไม่ใช่การแข่งขันกับบิตคอยน์ แต่เป็นแค่ “กระบวนการเปลี่ยนผ่านธรรมดา” สู่โลกที่ทุนไหลเข้าสินทรัพย์ดิจิทัล เขาเห็นว่าสถานการณ์ปัจจุบันเป็น ‘ช่วงเปลี่ยนผ่าน’ ที่เสริมพลังให้บิตคอยน์ในฐานะแรงดึงดูดของเงินทุนจากตลาดทั่วโลก
ด้านนักข่าวเศรษฐกิจ มิเชล มาโครี เตือนว่า ตลาดโลหะมีค่ากำลังเผชิญ *วิกฤตเชิงโครงสร้าง* โดยเฉพาะตลาดเงิน ที่มีปัญหาการใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ไม่มีการรับประกันจริงในกระดาษ (paper leverage) จำนวนมาก จนหากความต้องการเงินจริงพุ่งขึ้นในระยะสั้น อาจเกิดภาวะ short squeeze ซึ่งทำให้ราคาผันผวนรุนแรง ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ในขณะที่มุมมองต่อสถานการณ์ตลาดแตกต่างกันไป ราคาบิตคอยน์ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ปรับตัวลดลง 3.23% มาอยู่ที่ระดับ 110,752.38 ดอลลาร์ (ราว 1.54 ล้านบาท) ลดลงจากจุดสูงสุดก่อนหน้าเล็กน้อยซึ่งอยู่ที่ 116,020.49 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.61 ล้านบาท) ปรากฎการณ์นี้สะท้อนถึง *ความตึงเครียดในเศรษฐกิจมหภาค* ของโลกที่ส่งผลต่อสภาพจิตวิทยาการลงทุนอย่างชัดเจน
ปริมาณการซื้อขายของบิตคอยน์ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยลดลง 19.9% ภายใน 24 ชั่วโมง เหลือ 7.75 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 107.7 ล้านล้านบาท) สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนส่วนใหญ่กำลัง ‘จับตา’ ความไม่แน่นอนอย่างใกล้ชิด
ในขณะเดียวกัน ปีเตอร์ ชิฟฟ์ ผู้สนับสนุนการลงทุนในทองคำ แสดงจุดยืนตรงข้ามโดยเตือนว่า “บิตคอยน์อาจร่วงหนักเมื่อไหร่ก็ได้” พร้อมระบุว่า บิตคอยน์มีโอกาสทรุดตัวลงสู่ระดับ 75,000 ดอลลาร์ (ราว 1.04 ล้านบาท) ได้ในอนาคตอันใกล้
การแข่งขันระหว่างสินทรัพย์ดั้งเดิมและดิจิทัลกำลังทวีความดุเดือดมากขึ้น และตลาดต่างเฝ้าจับตามองว่าบิตคอยน์จะสามารถรักษาตำแหน่ง *แหล่งเก็บมูลค่าในระยะยาว* ได้อย่างมั่นคงหรือไม่ต่อไป
ความคิดเห็น 0