ริปเปิล(XRP) ร่วงเกือบ 6% นักวิเคราะห์ชี้อาจเข้าสู่ ‘เวฟ 5’ ก่อนขาขึ้นรอบใหม่

ริปเปิล(XRP) ร่วงลงเกือบ 6% ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนต่างจับตาว่าการปรับตัวลงครั้งนี้จะเป็นจุดสิ้นสุดของแนวโน้มขาลง หรือเป็นเพียงจุดพักก่อนที่ราคาจะร่วงลงอีกครั้ง นักวิเคราะห์ด้านเทคนิคมองว่าการเคลื่อนไหวล่าสุดอาจเป็นส่วนหนึ่งของ ‘เวฟ 4’ ตามทฤษฎีคลื่นเอลเลียต ซึ่งหมายความว่าอาจมี ‘เวฟ 5’ หรือคลื่นขาลงลูกสุดท้ายตามมาอีกระลอก

CasiTrades นักวิเคราะห์ตลาด ระบุว่า ในอดีตหลังจาก ‘เวฟ 3’ มักไม่ใช่ช่วงที่ตลาดพลิกกลับอย่างรุนแรงทันที แต่จะมีการเคลื่อนไหวลงอย่างอ่อนแรงใน ‘เวฟ 5’ เสียก่อนถึงจะตามมาด้วยการฟื้นตัวอย่างจริงจัง ปัจจุบันริปเปิลยังไม่สามารถทะลุระดับราคาต้านที่สำคัญคือ 2.82 ดอลลาร์ (ประมาณ 3,920 บาท) ได้ ซึ่งสะท้อนถึงแรงขายที่ยังคงอยู่ในตลาด และอาจนำไปสู่การปรับฐานอีกรอบ

ขณะที่ช่องว่างของราคาระหว่างแพลตฟอร์มซื้อขายก็ก่อความสับสนเพิ่มขึ้น โดยในตลาด USD ของไบแนนซ์ ริปเปิลเคยหล่นลงถึง 0.77 ดอลลาร์ (ราว 1,070 บาท) คิดเป็นการลดลงถึง 72% จากจุดสูงสุดล่าสุด และยังทะลุแนวรับสำคัญที่ระดับ 0.786 ของ Fibonacci retracement ด้วย วิเคราะห์ชี้ว่าการเคลื่อนไหวต่ำผิดปกตินี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นซ้ำบ่อย แต่ยังคงต้องจับตาระดับ 1.46 ดอลลาร์ (ประมาณ 2,030 บาท) และ 1.35 ดอลลาร์ (ราว 1,880 บาท) ซึ่งเป็นแนว ‘โกลเดนพ็อกเก็ต’ ที่อาจเป็นจุดรับ และเคยทำหน้าที่เป็นจุดต่ำสุดของ ‘เวฟ 2’ ในอดีต

อย่างไรก็ตาม มีมุมมองที่หนักแน่นว่าการร่วงครั้งนี้อาจไม่ใช่แค่การพักฐานระยะสั้น แต่เป็นการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่วงจรใหญ่ขึ้น โดยนักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าระดับคลื่นกำลังเปลี่ยนจาก ‘เวฟ 4’ ระดับตื้น ไปสู่ ‘แมโครเวฟ 2’ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ริปเปิลอาจฟื้นตัวเป็นขาขึ้นรอบใหม่ สู่ระดับ 6.50 ดอลลาร์ (ประมาณ 9,030 บาท) หรือแม้กระทั่ง 10 ดอลลาร์ (ราว 13,900 บาท)

ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านคริปโต อาลี มาร์ติเนซ(Ali Martinez) วิเคราะห์ว่า หากริปเปิลยังอ่อนค่าต่อ แนวรับสำคัญด้านล่างถัดไปคือ 2.10 ดอลลาร์ (ประมาณ 2,920 บาท) โดยอ้างอิงจากข้อมูลการกระจายราคาที่เกิดขึ้นจริงของธุรกรรม (URPD) ที่ชี้ให้เห็นว่ามีแรงซื้อสะสมจำนวนมากในระดับราคานี้ ในทางกลับกัน หากสามารถดีดตัวขึ้นได้ ระดับ 2.80 ดอลลาร์ (ราว 3,890 บาท) อาจกลายเป็นแนวรับใหม่ที่ช่วยหนุนโมเมนตัมขาขึ้นได้

ภาพรวมในตอนนี้ สำหรับนักลงทุนริปเปิลอาจต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้น และไม่ควรด่วนสรุปทิศทางแนวโน้ม ตลาดยังคงต้องเฝ้าติดตามแนวรับและแนวต้านสำคัญ รวมถึงพิจารณาความเป็นไปได้ของ ‘เวฟ 5’ ซึ่งอาจเป็นกุญแจสู่การเปลี่ยนผ่านสู่รอบขาขึ้นครั้งใหม่ในอนาคต ความอดทนจะเป็นสิ่งสำคัญในช่วงเวลาที่ความไม่แน่นอนปกคลุมตลาดเช่นนี้