คำว่า ‘วาฬ’ มักจะโผล่มาทุกครั้งที่ราคา *บิตคอยน์(BTC)* ผันผวนอย่างรุนแรง แต่จากทิศทางของตลาดในปัจจุบัน พบว่าการเคลื่อนไหวของราคาไม่ได้ขึ้นอยู่กับกระเป๋าใดกระเป๋าหนึ่งอีกต่อไป ปัจจัยหลักที่ทรงอิทธิพลที่สุดต่อราคาบิตคอยน์ในปี 2024 กลับกลายเป็น *กระแสเงินทุนจาก ETF แบบสปอต*
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง iShares Bitcoin Trust ETF (IBIT) ของบริษัทจัดการลงทุน *แบล็คร็อก(BlackRock)* ได้แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลที่เหนือกว่าการเคลื่อนไหวของกระเป๋าหนึ่งใบ ปัจจุบัน IBIT ถือครองบิตคอยน์มากกว่า 800,000 BTC ซึ่งเป็นระดับที่สะท้อนการลงทุนของผู้เล่นนับพันราย การไหลเข้า-ออกของเงินทุนผ่าน ETF นี้จึงรุนแรงกว่าคำสั่งซื้อ-ขายของวาฬรายใดรายหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด
อีกหนึ่งประเด็นที่ไม่ควรมองข้ามคือ *ปริมาณเหรียญที่สามารถซื้อขายได้ในตลาดกลาง (Liquid Supply)* ขณะนี้อยู่ในระดับต่ำตามสถิติ ซึ่งหมายความว่าคำสั่งซื้อขายเพียงเล็กน้อยก็สามารถกระทบต่อสมดุลของตลาดและสร้างแรงเหวี่ยงต่อราคาได้มาก อย่างไรก็ตาม นักลงทุนรายใหญ่ก็มักหลีกเลี่ยงการดำเนินการผ่านตลาดสาธารณะ โดยใช้บริการ OTC หรือการแบ่งคำสั่งซื้อ ซึ่งทำให้ไม่สามารถมองเห็นอิทธิพลของคำสั่งเหล่านี้ผ่านข้อมูลในบล็อกเชนเพียงอย่างเดียว
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเบื้องหลังที่ซ่อนอยู่ซึ่งผู้ลงทุนส่วนใหญ่มักมองข้าม ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลจากตลาดอนุพันธ์ เช่น *อัตราการกู้ยืมเงินทุน (Funding Rate)*, *อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐ*, *ทิศทางของค่าเงินดอลลาร์*, หรือ *ปริมาณสัญญาคงค้าง (Open Interest)* ในตลาดฟิวเจอร์ส ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนมีบทบาทต่อทิศทางของราคาในเวลาสั้น ๆ มากกว่าการเคลื่อนไหวของกระเป๋าใหญ่อีกด้วย
*ความคิดเห็น:* การไล่ตามแค่การโอนบิตคอยน์จำนวนมากบนบล็อกเชนไม่เพียงพออีกต่อไป หากต้องการเข้าใจทิศทางตลาดอย่างแท้จริง นักลงทุนควรพิจารณาทั้ง ETF, สภาพคล่องของตลาด, ข้อมูลตลาดอนุพันธ์ และสถานการณ์เศรษฐกิจมหภาคโดยรวม
ตลาดบิตคอยน์ทุกวันนี้ไม่ได้ขับเคลื่อนโดย "วาฬในตำนาน" อีกต่อไป แต่เป็นผลสะท้อนจาก *โครงสร้างของระบบการเงินทั้งหมด* ที่เชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้งและซับซ้อน
ความคิดเห็น 0