สก็อตต์ เบสเซนต์(Scott Bessent) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ เปิดเผยว่า *กรอบข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว* ซึ่งทำให้นักลงทุนทั่วโลกต่างมีความคาดหวังมากขึ้น เบสเซนต์ระบุว่า ไม้แข็งด้านภาษีศุลกากรของสหรัฐมีบทบาทสำคัญต่อความคืบหน้าของการเจรจา พร้อมบ่งชี้ว่าอาจไม่มีการเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม ส่งผลให้ความร่วมมือระหว่างสองประเทศเริ่มกลับมาเป็นไปได้อีกครั้ง
เมื่อวันที่ 30 (เวลาท้องถิ่น) เบสเซนต์แถลงข่าวกับสื่อว่า สหรัฐ *สามารถบรรลุกรอบข้อตกลงการค้ากับจีนในระดับที่มีนัยสำคัญ* ซึ่งจะนำไปสู่เสถียรภาพในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและส่งผลเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของตลาดโลก นอกจากนี้ยังเปิดเผยว่า มาตรการ *ภาษีเพิ่มอีก 100% ต่อสินค้านำเข้าจากจีน* ที่เคยประกาศไว้เมื่อเดือนตุลาคม อาจถูกยกเลิกในเร็ว ๆ นี้ ข้อตกลงเบื้องต้นนี้ยังรวมถึงความร่วมมือด้านความมั่นคง และคาดว่าจะมีการเจรจาเพิ่มเติมในหลากหลายมิติในอนาคต
“*ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ใช้คำขู่เรื่องการขึ้นภาษี 100% ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นตัวแปรผลักดันการเจรจา และทำให้ผมสามารถบริหารการเจรจาในจุดที่ได้เปรียบ*” เบสเซนต์กล่าว “นี่คือปัจจัยสำคัญที่ช่วยทำให้เราสร้างกรอบความร่วมมือเชิงปฏิบัติกับจีนขึ้นมาได้ และจะเปิดประตูสู่การเจรจาในด้านอื่น ๆ ต่อไป” คำพูดของเบสเซนต์ครั้งนี้ตอกย้ำว่า ทรัมป์ยังคงใช้ประเด็นการค้าเป็นหมากสำคัญในนโยบายต่างประเทศ
ขณะเดียวกัน การประกาศกรอบความร่วมมือฉบับใหม่นี้ *อาจส่งผลบวกต่อสภาพแวดล้อมของตลาดคริปโต* ด้วยเช่นกัน โดยความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐที่เริ่มผ่อนคลายลง อาจเปลี่ยนกระแสของการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งอาจ *ส่งเสริมจิตวิทยาความเสี่ยงในเชิงบวกต่อบิตคอยน์(BTC)* และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ผู้เล่นในตลาดคริปโตเริ่มตอบสนองต่อปัจจัยทางการทูตและนโยบาย ไม่ใช่แค่ตัวเลขเศรษฐกิจอีกต่อไป
ความคิดเห็น 0