บัญชี X อย่างเป็นทางการของโซลานา(SOL) ได้จุดประเด็นร้อนในหมู่ผู้สนับสนุนริปเปิล(XRP) หลังเผยแพร่โพสต์ที่แสดงจุดยืนชัดเจนว่า “ไม่มีสกุลเงินสำหรับเป็นสะพานเชื่อม” พร้อมเน้นว่า “โซลานามีเฉพาะสเตเบิลคอยน์” เท่านั้น การเคลื่อนไหวครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นการปฏิเสธบทบาทของ XRP ในฐานะ ‘สกุลเงินสะพาน’ สำหรับการโอนเงินระหว่างประเทศ และยังปลุกกระแสการแข่งขันอันยาวนานระหว่างสองเครือข่ายบล็อกเชนนี้ให้กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง
ข้อความของโซลานาดังกล่าวถือเป็น ‘ถ้อยคำท้าทาย’ โดยไม่จำเป็นต้องมีคำอธิบายเพิ่มเติม โดยเฉพาะคำว่า “ไม่มีสกุลเงินสำหรับเป็นสะพานเชื่อม” ที่ตรงกันข้ามกับแนวคิดหลักของริปเปิล ซึ่งเสนอให้ XRP เป็นสินทรัพย์กลางเพื่อใช้ในการโอนเงินข้ามพรมแดน ด้านชุมชนของโซลานาเองยังเสริมว่า การที่มีเพียงสเตเบิลคอยน์บนเครือข่าย เป็นส่วนสำคัญของโมเดลธุรกรรมที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ความคิดเห็น: ท่าทีของโซลานาในรอบนี้ไม่ได้เป็นเพียงการตลาดทางโซเชียลมีเดีย แต่สะท้อนถึงการแข่งขันเชิงกลยุทธ์ในอุตสาหกรรมคริปโต โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ล่าสุดที่เวสเทิร์นยูเนี่ยน(Western Union) ประกาศแผนเปิดตัวสเตเบิลคอยน์บนเครือข่ายโซลานา บริษัทรับโอนเงินข้ามชาติรายใหญ่นี้เคยทดสอบโซลูชันต่างๆ มาหลายทางเลือก แต่สุดท้ายเลือกใช้โซลานา โดยเดวิน แมคแกรนาแฮน(Devin McGranahan) ซีอีโอของเวสเทิร์นยูเนี่ยนกล่าวว่า “เราได้พิจารณาหลายทางเลือก แต่โซลานาคือความลงตัวที่สุด”
ย้อนไปเมื่อปี 2015 เวสเทิร์นยูเนี่ยนเคยมีแผนร่วมมือกับริปเปิล โดยดำเนินโครงการนำร่องที่ใช้โครงสร้างโอนเงินแบบเรียลไทม์ของริปเปิล และในปี 2018 ก็ได้ทดสอบโซลูชัน xRapid ที่อ้างอิง XRP อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่น่าประทับใจ อดีตซีอีโอ ฮิกเม็ต อาร์เซ็ก(Hikmet Ersek) เคยออกมายอมรับว่า “ไม่คุ้มค่าในแง่ของต้นทุน”
ความคิดเห็น: คำประกาศของโซลานาในครั้งนี้จึงทำให้สถานะของ XRP ซึ่งเคยเป็นตัวเลือกหลักในฐานะ ‘สกุลเงินสะพาน’ ตลอดกว่า 10 ปี ถูกตั้งคำถามอีกครั้ง โดยเฉพาะในยุคที่สเตเบิลคอยน์และเครือข่ายความเร็วสูงกำลังเข้ามาท้าทายบทบาทดั้งเดิมของ XRP หลังจากการล่มสลายของเทอรา เห็นได้ชัดว่าโซลานากำลังฉวยโอกาสประคองตลาดสเตเบิลคอยน์ให้กลับมามีความเคลื่อนไหวอีกครั้งในแวดวงคริปโตที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ความคิดเห็น 0