ญี่ปุ่นเปิดตัว JPYC สเตเบิลคอยน์ภายใต้กฎหมาย พร้อมระบบชดเชยความเสียหายจากการฉ้อโกง

ญี่ปุ่นเปิดตัว ‘JPYC’ สเตเบิลคอยน์สกุลเงินเยนตัวแรกที่ออกภายใต้กรอบกำกับดูแลอย่างเป็นทางการ โดยจุดเด่นของ JPYC คือการมีระบบ ‘ชดเชยความเสียหายจากการฉ้อโกง’ ซึ่งถือว่าเป็นคุณสมบัติที่หาได้ยากในตลาดโลก

JPYC ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการในฐานะผู้ให้บริการโอนเงิน และออกสู่ตลาดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ภายใต้กฎหมายใหม่ของญี่ปุ่นว่าด้วยการควบคุมสเตเบิลคอยน์ที่เริ่มใช้ในปี 2023 โดยกฎหมายดังกล่าวอนุญาตให้เฉพาะธนาคารพาณิชย์ ธนาคารทรัสต์ และผู้ให้บริการโอนเงินเท่านั้นที่สามารถออกสเตเบิลคอยน์ได้ JPYC ถูกสร้างขึ้นบนบล็อกเชนของอาวาแลนเช(AVAX), อีเธอเรียม(ETH) และโพลิกอน(MATIC)

ก่อนหน้านี้ JPYC เคยดำเนินการในรูปแบบโทเคนเงินอิเล็กทรอนิกส์แบบเติมเงินบนบล็อกเชน แต่ในเดือนมิถุนายนบริษัทได้ยุติการดำเนินงานในรูปแบบเดิมและเปลี่ยนมาเป็นสเตเบิลคอยน์ภายใต้การกำกับดูแลอย่างเป็นทางการ โดยมุ่งเป้าใช้ในบริการโอนเงินระหว่างประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์ และการชำระเงินในอีคอมเมิร์ซ ส่วนในประเทศ JPYC ได้จับมือกับบริษัท เดนซันซิสเต็มส์ ซึ่งมีโครงข่ายรับชำระเงินในร้านสะดวกซื้อญี่ปุ่นกว่า 65,000 แห่ง และมีแผนจะขยายการใช้งานสู่บริการรับโอนเงินผ่านร้านสะดวกซื้อในอนาคต

จุดที่น่าสนใจคือ JPYC ได้พัฒนาระบบ ‘ชดเชยความเสียหายจากการฉ้อโกง’ ซึ่งจะให้ความคุ้มครองทางการเงินแก่ผู้ใช้งานที่ตกเป็นเหยื่อของการกระทำที่ไม่โปร่งใส โดยอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด ถือเป็นความพยายามในการยกระดับ *ความปลอดภัย* และ *ความเชื่อมั่น* ของตลาดสเตเบิลคอยน์ไปอีกขั้น

อย่างไรก็ตาม JPYC ไม่ใช่สเตเบิลคอยน์สกุลเงินเยนภายใต้การกำกับดูแลตัวแรกของญี่ปุ่น เนื่องจากก่อนหน้านี้ในปี 2021 บริษัท จีเอ็มโอแซด ได้ออกโทเคน GYEN ซึ่งเป็นเยนดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินนครนิวยอร์ก โดยมีมูลค่าตลาดราว 13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,300 ล้านบาท)

การเปิดตัว JPYC ครั้งนี้จึงถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดัน *อุตสาหกรรมสเตเบิลคอยน์ของญี่ปุ่น* ให้เติบโตขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ท่ามกลางแนวโน้มที่ผู้ใช้งานตื่นตัวต่อเรื่องความปลอดภัยของสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่ง “ความคิดเห็น” ในวงการต่างจับตามองว่าโมเดล ‘ชดเชยความเสียหายจากการฉ้อโกง’ ของ JPYC จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่หรือไม่