ความสัมพันธ์ระหว่างอุตสาหกรรมคริปโตกับแวดวงการเมืองสหรัฐกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เมื่อบริษัทต่าง ๆ และโครงการในวงการเริ่มขยับตัวเชิงรุกยิ่งขึ้นในวอชิงตัน ‘คริปโต’ กำลังเคลื่อนจากการเป็นเพียงผู้เล่นชายขอบ สู่บทบาทที่มีอิทธิพลในระดับแกนกลางของสนามการเมือง ขณะที่กิจกรรมลอบบี้ การบริจาคเงินสนับสนุนทางการเมือง และการพบปะกับสมาชิกรัฐสภาเพิ่มขึ้น คริปโตจึงเริ่มมี ‘อิทธิพล’ ที่ชัดเจนทั้งในและนอกสภาคองเกรส
ก่อนหน้านี้ อุตสาหกรรมคริปโตมักอยู่ในท่าที ‘ป้องกัน’ ท่ามกลางความไม่แน่นอนในด้านกฎระเบียบและการเพิกเฉยจากฝ่ายการเมือง แต่ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แนวโน้มกลับเปลี่ยนไป คริปโตเริ่มเข้าไปมีบทบาทในกระบวนการกำหนดนโยบายอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการบริจาคทางการเมืองที่กลายเป็นปรากฏการณ์เด่น โครงการและบริษัทคริปโตหลายแห่งเทเงินจำนวนหลายล้านดอลลาร์เข้าสู่ค่ายผู้สมัครและคณะกรรมการทางการเมือง โดยปรากฏการณ์หนึ่งที่น่าจับตาคือทิศทางเงินทุนที่เอียงเข้าหาพรรครีพับลิกัน หลังจาก *ประธานาธิบดีทรัมป์* แสดงจุดยืนที่เป็นมิตรต่อคริปโตอย่างต่อเนื่อง
นอกจากการบริจาคแล้ว ‘กิจกรรมลอบบี้’ ในรัฐสภาสหรัฐก็กำลังตื่นตัว บริษัทคริปโตหลายแห่งเริ่มจ้างกลุ่มล็อบบี้ยิสต์มืออาชีพและที่ปรึกษาด้านนโยบาย เข้าร่วมในกระบวนการร่างกฎหมายตั้งแต่ขั้นต้น ยิ่งไปกว่านั้น มีสมาชิกสภาคองเกรสบางรายที่ออกมา ‘แสดงการสนับสนุนคริปโต’ อย่างเปิดเผย จุดยืนนี้ถูกมองว่าอาจช่วยยกระดับภาพรวมของอุตสาหกรรมในเชิงกฎหมายและเป็นที่ยอมรับมากขึ้น แต่ก็จุดประกายคำถามว่า การแลกเปลี่ยนกับสถาบันรัฐจะกระทบต่ออุดมการณ์ ‘การกระจายศูนย์’ ของคริปโตหรือไม่ — *ความคิดเห็น* ที่แบ่งกันอย่างชัดเจนในวงการ
ขณะเดียวกัน โครงสร้างการแข่งขันในตลาดคริปโตเองก็กำลังเปลี่ยนแปลง กลุ่มผลประโยชน์ที่เคยถูกครองโดยภาคการเงินดั้งเดิม เริ่มเปิดพื้นที่ให้กับโครงการอย่าง *บิตคอยน์(BTC)*, *อีเธอเรียม(ETH)* และ *โซลานา(SOL)* รวมถึงบริษัทผู้ออก *เหรียญเสถียร* ต่าง ๆ ที่ใช้การเมืองเป็นกลไกหนึ่งในการเสริมความชอบธรรมในระบบ การกำหนดกรอบกำกับดูแลที่ชัดเจน แม้อาจเป็นความท้าทายต่อโปรเจกต์หน้าใหม่ แต่ก็อาจถือเป็น ‘โอกาส’ สำหรับองค์กรที่มุ่งเข้าสู่ตลาดการเงินแบบสถาบัน
ทั้งหมดนี้อาจส่งผลชี้นำทิศทางนโยบายของสหรัฐที่เกี่ยวกับคริปโตในอนาคต ความแข็งแกร่งของเครือข่ายทางการเมืองภายในอุตสาหกรรม จะกลายเป็นตัวแปรสำคัญในการจัดสมดุลระหว่าง ‘การคุ้มครองผู้บริโภค’ และ ‘นวัตกรรมในตลาด’ และในเมื่อคริปโตไม่ได้เป็นเพียงผู้เล่นชายขอบอีกต่อไป เสียงของอุตสาหกรรมนี้ในกระบวนการออกกฎหมายจึงมีน้ำหนักมากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา.
ความคิดเห็น 0