การลงทุนในกองทุนอิงตามโซลานา(SOL) ภายในสหรัฐฯ มียอดเงินไหลเข้าใหม่มากถึง 9.7 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1,290 ล้านบาท สะท้อนถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นจากนักลงทุนสถาบันสู่บล็อกเชนโซลานาอีกครั้ง ขณะเดียวกัน โครงการดีไฟน์ที่อิงกับริปเปิล(XRP) อย่าง ‘XRP ทุนดรา(Tundra)’ ก็กำลังเตรียมขยายตัวครั้งใหญ่บนเครือข่ายโซลานา ส่งผลให้ทั้งสองโครงการกลายเป็นจุดสนใจของตลาดพร้อม ๆ กัน
ตามรายงานจากบริษัทวิจัยคริปโต Farside Investors เมื่อวันที่ 24 พบว่า ภายในวันเดียว กองทุน ETF ที่อิงกับโซลานามียอดสะสมเพิ่มขึ้นถึง 9.7 ล้านดอลลาร์ โดยกองทุน BSOL ของบริษัทบิตไวส์(Bitwise) ได้รับเงินลงทุนถึง 7.5 ล้านดอลลาร์ และกองทุน GSOL ของเกรย์สเกล(Grayscale) มียอดสุทธิที่ 2.2 ล้านดอลลาร์ ปัจจุบันสองกองทุนนี้มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารรวมเกิน 294 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3,912 ล้านบาท
การที่เงินลงทุนไหลเข้ากองทุนอิงโซลานาจำนวนมากเช่นนี้ ทำให้โซลานากลายเป็นบล็อกเชนรายแรกนอกเหนือจากบิตคอยน์(BTC) และอีเธอเรียม(ETH) ที่สร้างผลลัพธ์ในตลาด ETF สหรัฐฯ ได้อย่างโดดเด่น ทั้งยังมีส่วนช่วยส่งเสริม ‘สภาพคล่องบนเชน’ ที่ดีขึ้นและเสถียรภาพของราคา ซึ่งยืนยันได้จากการฟื้นตัวของราคาโซลานาบริเวณ 150 ดอลลาร์ท่ามกลางแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบัน
ในขณะเดียวกัน XRP ทุนดรา ซึ่งเป็นโครงการดีไฟน์แบบข้ามเชนระหว่างโซลานาและ XRP เลเชอร์ ก็กำลังสร้างระบบการเงินไร้ศูนย์กลางที่ผสานการใช้งานทั้งสองเชนเข้าด้วยกัน ผ่านโทเคน TUNDRA-S บนเครือข่ายโซลานา และ TUNDRA-X บน XRP ซึ่งทำหน้าที่ด้านการสเตกกิ้ง, สภาพคล่อง และการมีส่วนร่วมในการกำกับดูแล โดยระบบนี้เลือกใช้โมเดล ‘มีส่วนร่วมโดยตรงบนเชน’ แทนการอ้างอิงราคาผ่านดัชนีแบบ ETF ซึ่งถือเป็นความแตกต่างที่ชัดเจน
สำหรับความปลอดภัยและความโปร่งใส โครงการได้รับการตรวจสอบสัญญาอัจฉริยะจากสามหน่วยงานอิสระคือ Cyberscope, SolidProof และ FreshCoins รวมถึงผ่านการยืนยันตัวตน(KYC) ด้วยบริการของ Vital Block ขณะนี้ในการเปิดขายรอบที่ 10 โทเคน TUNDRA-S จำหน่ายที่ราคา 0.158 ดอลลาร์ ส่วน TUNDRA-X อยู่ที่ 0.079 ดอลลาร์ โดยมีการวางราคาจดทะเบียนไว้ที่ 2.5 ดอลลาร์ และ 1.25 ดอลลาร์ตามลำดับ
โครงการยังมีระบบควบคุมกลไกตลาดแบบ ‘ไดนามิกฟี’ สูงสุดถึง 50% เพื่อป้องกันแรงขายเกินควบคุมในช่วงเริ่มต้นการเทรด โดยอาศัยพูลสภาพคล่อง DAMM V2 ของ Meteora และเพิ่มแรงจูงใจผ่านโปรแกรมรางวัล ‘Arctic Spinner’ ซึ่งให้โบนัสโทเคนทันทีตามปริมาณการซื้อ ทั้งนี้มีการแจกจ่ายโบนัสไปแล้วกว่า 32,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 4.26 ล้านบาท
จากแนวทางการพัฒนา XRP ทุนดราถูกจับตามองในฐานะโมเดลที่รวมจุดแข็งของ ‘ETF แบบถูกกฎหมาย’ และ ‘ดีไฟน์แบบเข้าร่วมได้’ ไว้ในแพลตฟอร์มเดียว พร้อมกับแรงหนุนจากทั้งสถาบันการเงินผ่านโซลานา ETF และนักลงทุนรายย่อยที่เข้าร่วมพรีเซลล์ของทุนดรา ซึ่งถือเป็น ‘ปัจจัยบวกคู่’ ที่ส่งผลต่อการขยายตัวของตลาดอย่างมีนัยสำคัญ
เมื่อใกล้ถึงการจดทะเบียนในตลาด XRP ทุนดราอาจกลายเป็นแพลตฟอร์มหลักสำหรับการสร้างรายได้โดยตรงบนโซลานา พร้อมเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ของนักลงทุนรายย่อย ทั้งยังสะท้อนให้เห็นว่าเทคโนโลยีดีไฟน์กำลังพัฒนาไปสู่ระดับ ‘ความน่าเชื่อถือของการเงินแบบดั้งเดิม’ ในมิติที่ตลาดเริ่มให้การยอมรับมากขึ้นเรื่อย ๆ
ความคิดเห็น 0