ข่าว 
ข้อมูลเหรียญ 
แนะนำสื่อ 
ตลาดคริปโตยังคงเผชิญกับความผันผวนท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระดับโลก โดยเฉพาะ ‘บิตคอยน์(BTC)’ ที่กำลังทดสอบแนวรับที่ 75,000 ดอลลาร์ ท่ามกลางแรงกดดันด้านราคาที่เพิ่มขึ้น
นักเทรดมองว่า นโยบายภาษีศุลกากรของ ‘ประธานาธิบดีทรัมป์’ ต่อจีนส่งผลกระทบต่อสภาพจิตวิทยาการลงทุน โดย ‘บิตคอยน์’ ร่วงลงมากกว่า 6.5% ภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ปรับตัวลงสู่ระดับ 78,197 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายนปีที่แล้ว ‘ไรอัน ลี’ หัวหน้านักวิเคราะห์จาก ‘บิทเก็ต(Bitget) รีเสิร์ช’ ระบุว่า นโยบายการค้าของทรัมป์เพิ่มความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจมหภาค และอาจทำให้ ‘บิตคอยน์’ เกิดการปรับฐานเพิ่มเติมในช่วง 76,000-78,000 ดอลลาร์ นักวิเคราะห์บางรายเตือนว่า หากแนวโน้มขาลงนี้ยังคงดำเนินต่อไป ‘บิตคอยน์’ อาจร่วงลงแตะระดับ 70,000 ดอลลาร์ในระยะสั้น
ในอีกด้านหนึ่ง ‘คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ(SEC)’ ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า จะไม่จัดประเภท ‘มีมคอยน์’ เป็นหลักทรัพย์ ฝ่ายบริหารด้านการเงินของ SEC เปิดเผยว่า “มีมคอยน์ไม่ถือเป็นหลักทรัพย์ภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐบาลกลาง และมีลักษณะคล้ายของสะสม” ซึ่งหมายความว่า การออกและซื้อขาย ‘มีมคอยน์’ จะไม่อยู่ภายใต้ข้อบังคับการขึ้นทะเบียนของ SEC อย่างไรก็ตาม หน่วยงานกำกับดูแลทั้งในระดับรัฐบาลกลางและระดับรัฐยังสามารถดำเนินคดีได้ หากพบพฤติกรรมหลอกลวง
นอกจากนี้ SEC ยังตัดสินใจถอนฟ้อง ‘คอนเซนซิส(Consensys)’ บริษัทพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของ ‘อีเธอเรียม(ETH)’ คดีนี้เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาว่า บริการบางส่วนของ ‘เมตามาสก์(MetaMask)’ ละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์ อย่างไรก็ตาม SEC ได้ตัดสินใจยุติคดีด้วยการเจรจาข้อตกลง ‘โจเซฟ ลูบิน’ ผู้ก่อตั้ง ‘คอนเซนซิส’ กล่าวว่าการยุติคดีนี้ทำให้บริษัทสามารถกลับมาโฟกัสที่การพัฒนาได้อีกครั้ง “ปี 2025 จะเป็นปีที่ยอดเยี่ยมสำหรับ ‘อีเธอเรียม’ และอุตสาหกรรมเว็บ3” เขากล่าว
วงการคริปโตมองว่าการตัดสินใจล่าสุดของ SEC อาจเกี่ยวข้องกับนโยบายสายกลางของ ‘ฝ่ายบริหารทรัมป์’ ต่อคริปโต หลังการเลือกตั้ง ‘บิล ฮิวจ์ส’ ที่ปรึกษากฎหมายของ ‘คอนเซนซิส’ เปิดเผยว่า “หลังการเลือกตั้ง โทนของ SEC เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง มีทิศทางและแนวทางใหม่ที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของผู้นำ” ความเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลสำคัญต่อตลาดคริปโตในอนาคต
ความคิดเห็น 0