CFTC สหรัฐฯ ยกเลิกกฎส่งมอบคริปโตภายใน 28 วัน หนุนนวัตกรรมและการแข่งขันในตลาดโลก

คณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าแห่งสหรัฐฯ (CFTC) ได้ประกาศยกเลิกแนวทางการส่งมอบสินทรัพย์ดิจิทัลแบบ ‘ส่งมอบจริง’ ที่เคยประกาศเมื่อปี 2020 อย่างเป็นทางการ โดยระบุว่าแนวทางเดิมไม่สอดคล้องกับการพัฒนาในอุตสาหกรรมคริปโตช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และอาจเป็นอุปสรรคต่อนวัตกรรมในตลาด

เมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) แคโรไลน์ แพม(Caroline Pham) รักษาการประธาน CFTC เปิดเผยผ่านแถลงการณ์ว่า “การยกเลิกแนวปฏิบัติที่ไม่ทันสมัยซึ่งขัดขวางนวัตกรรมในภาคคริปโตเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของรัฐบาลสหรัฐในปีนี้” โดยการตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นภายใต้คำแนะนำของคณะทำงานด้านคริปโตของทำเนียบขาว ซึ่งได้ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการตีความใหม่เกี่ยวกับนิยามของการส่งมอบจริงในโลกสินทรัพย์ดิจิทัล

แนวทางเดิมที่ถูกยกเลิกนั้นกำหนดว่า การเทรดคริปโตจะถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่การซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ก็ต่อเมื่อมี ‘การส่งมอบจริงภายใน 28 วัน’ ซึ่งการตีความดังกล่าวสร้างข้อจำกัดต่อการพัฒนาแพลตฟอร์มซื้อขาย เช่น การเสนอผลิตภัณฑ์แบบมีมาร์จิ้นหรือเลเวอเรจ จึงถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นอุปสรรคสำคัญต่อความยืดหยุ่นของตลาด

CFTC ภายใต้การนำของแคโรไลน์ แพม ได้แสดงจุดยืนเชิงบวกต่อคริปโตมาอย่างต่อเนื่อง โดยเธอกล่าวว่า “การยกเลิกแนวปฏิบัติครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของบทสนทนาที่สร้างสรรค์ระหว่างผู้กำกับดูแลและภาคอุตสาหกรรม”

ในมุมมองของแคทเธอรีน เคิร์กแพทริก บอส(Katherine Kirkpatrick Bos) หัวหน้าผู้ดูแลด้านกฎหมายของบริษัท สตาร์กแวร์(StarkWare) ผู้พัฒนาโปรเจกต์ สตาร์กเน็ต(STRK) ได้แสดงความเห็นว่า “ข้อกำหนดของแนวทางเดิมที่จำกัดการส่งมอบภายใน 28 วันส่งผลให้ตลาดขาดความยืดหยุ่น ซึ่งการยกเลิกแนวปฏิบัตินี้จะทำให้การออกแบบผลิตภัณฑ์ทางการเงินมีความหลากหลายและตอบโจทย์ธุรกิจมากขึ้น”

ด้วยการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ ผู้ให้บริการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างเช่นสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ฟิวเจอร์ส) และบริการตลาดนอกกระดาน (OTC) ได้อย่างยืดหยุ่นมากขึ้น ถือเป็นการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของสหรัฐในตลาดคริปโตโลก และจะช่วยให้สอดคล้องกับทิศทางของกรอบการกำกับดูแลระดับนานาชาติ

‘ความคิดเห็น’: การยกเลิกแนวทางของ CFTC เป็นสัญญาณสำคัญว่าหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ เริ่มเปิดรับความยืดหยุ่นในตลาดคริปโตและพร้อมปรับตัวตามความเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะต่อสินทรัพย์ที่เคลื่อนไหวเร็วและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเช่น บิตคอยน์(BTC) และ อีเธอเรียม(ETH)