วีซ่า(Visa) ผู้ให้บริการชำระเงินรายใหญ่ที่สุดในโลก ได้เปิดให้บริการระบบชำระเงินผ่านเหรียญดิจิทัล USD คอยน์(USDC) แก่สถาบันการเงินในสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ โดยถือเป็นหนึ่งในก้าวสำคัญของการผลักดัน ‘สเตเบิลคอยน์’ เข้าสู่การใช้งานเชิงพาณิชย์ อีกทั้งยังสะท้อนถึงความพยายามของวีซ่าในการปรับโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินให้สอดรับกับยุคสินทรัพย์ดิจิทัล
ตามแถลงการณ์เมื่อวันที่ 23 (เวลาท้องถิ่น) วีซ่าเปิดเผยว่าบริการชำระเงินด้วย USDC สำหรับธนาคารในอเมริกาได้เริ่มต้นใช้งานแล้ว โดยมีพันธมิตรแรกประกอบด้วย ครอสริเวอร์แบงก์(Cross River Bank) และ ลีดแบงก์(Lead Bank) ซึ่งทั้งสองธนาคารนี้ได้เริ่มต้นการทำธุรกรรมผ่านบล็อกเชนโซลานา(SOL) กับวีซ่าแล้ว วีซ่าตั้งเป้าที่จะขยายบริการดังกล่าวครอบคลุมในระดับกว้างภายในปี 2026
ก่อนหน้านี้ บริษัท เซอร์เคิล(Circle) ผู้ออก USDC ได้เปิดตัวเครือข่ายบล็อกเชนเลเยอร์ 1 ของตนเองชื่อว่า ‘อาร์ค(Arc)’ บนระบบทดลองเมื่อปลายเดือนตุลาคม ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากจากบริษัทยักษ์ใหญ่มากกว่า 100 แห่งทั่วโลก รวมถึงวีซ่า, มาสเตอร์การ์ด, แบล็คร็อก และโกลด์แมน แซคส์ โดยวีซ่าเองมีบทบาทในฐานะพันธมิตรผู้ออกแบบอาร์ค และมีแผนจะบูรณาการ ‘อาร์ค’ เข้ากับระบบชำระเงินของตนในอนาคต
รูเบล เบอร์วาดเกอร์(Rubail Birwadker) หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ของวีซ่า ระบุว่า "สถาบันการเงินต้องการระบบการชำระเงินที่ทำงานได้รวดเร็ว ยืดหยุ่น และสามารถตั้งโปรแกรมได้ โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนโครงสร้างบัญชีที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน"
นอกจากนี้ วีซ่ายังได้จัดตั้งหน่วยงาน *ที่ปรึกษาสตเบิลคอยน์* ขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อให้คำปรึกษาแก่ธนาคาร ฟินเทค และร้านค้าต่างๆ ในการออกแบบ พัฒนา และบริหารจัดการเทคโนโลยีนี้ ถือเป็นการก้าวข้ามจากการให้บริการด้านเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว ไปสู่การสนับสนุนธุรกิจในการปรับตัวเข้าสู่ยุคสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ
การเปิดบริการในสหรัฐฯ เป็นส่วนหนึ่งของแผนกลยุทธ์ที่ใหญ่กว่าของวีซ่าในการปรับโครงสร้างเครือข่ายการชำระเงินทั่วโลก โดยเบอร์วาดเกอร์กล่าวเพิ่มเติมว่า "สถาบันการเงินในปัจจุบันไม่ได้แค่สนใจสเตเบิลคอยน์อีกต่อไป แต่กำลังอยู่ในขั้นตอนเตรียมการใช้งานจริง"
พร้อมกันนี้ วีซ่ายังจับมือกับอาคัวนาว(Aquanow) ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานคริปโต ในการนำเอา USDC เข้ามาใช้งานในระบบชำระเงินของกลุ่มประเทศยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา โดยมุ่งหวังที่จะลดต้นทุน ลดเวลาหน่วง และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานผ่านการใช้สเตเบิลคอยน์ที่มีมูลค่าผูกกับดอลลาร์สหรัฐ
เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา วีซ่ายังได้เปิดทดสอบบริการ ‘โอนเงินด้วยสเตเบิลคอยน์แบบตั้งต้นด้วยเงินเฟียต’ ภายในสหรัฐอเมริกา ซึ่งอนุญาตให้ลูกค้าธุรกิจหลายรายสามารถโอนเงินจากบัญชีเงินดอลลาร์ทั่วไปไปยังวอลเล็ตของผู้ใช้งานได้ผ่านสินทรัพย์ที่เชื่อมกับดอลลาร์สหรัฐ โดยในขณะนี้ยังจำกัดเฉพาะพันธมิตรบางราย และคาดว่าจะขยายให้ครอบคลุมภายในปี 2026
‘ความคิดเห็น’: ความเคลื่อนไหวของวีซ่าในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึง *การเปลี่ยนผ่านเชิงโครงสร้าง* ที่ลึกซึ้งมากยิ่งกว่าการทดลองใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพราะเป็นการปูทางให้สเตเบิลคอยน์กลายเป็นหนึ่งในกลไกหลักของการชำระเงินในโลกยุคดิจิทัล โดยที่ผู้ให้บริการเครือข่ายการเงินระดับโลกอย่างวีซ่าได้เข้ามายืนอยู่ในตำแหน่งผู้นำในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อย่างมั่นคง
ความคิดเห็น 0