คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ(SEC) ได้ยื่นฟ้องบริษัทเงินร่วมลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลชื่อ ซีม่าคอร์ป(Sima Capital) และผู้ก่อตั้ง อีด้า เกา(Yida Gao) ฐานฉ้อโกงนักลงทุน โดยในจดหมายภายในล่าสุด เกาได้แจ้งกับบริษัทในเครือว่าเขาจะลาออกจากตำแหน่งและดำเนินการ ‘ปิดบริษัทอย่างเป็นระบบ’
ตามรายงานเมื่อวันที่ 3 (เวลาท้องถิ่น) SEC ได้เปิดเผยคำฟ้องที่กล่าวหา เกา ว่าได้ให้ข้อมูล ‘เกินจริง’ เกี่ยวกับผลตอบแทนของกองทุน Sima Capital Fund I ในระหว่างปี 2021 ถึง 2023 โดยมีการกล่าวอ้างว่ามีโครงการหนึ่งที่สร้างผลตอบแทน 90 เท่า ทั้งที่ในความเป็นจริงอยู่ที่เพียง 2.8 เท่าเท่านั้น ซึ่งเกาได้ชี้แจงกรณีนี้เป็นเพียง ‘ข้อผิดพลาดทางเอกสาร’
ในคำฟ้องเดียวกัน ยังระบุว่าเกาได้ระดมทุน 11.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐโดยผ่านบริษัทวัตถุประสงค์พิเศษ(SPV) ที่เชื่อมโยงกับโครงการบิทคลาวด์(BitClout) โดยสัญญาว่าจะซื้อโทเคนในราคาส่วนลดเพื่อประโยชน์ของนักลงทุน แต่แท้จริงแล้วเขากลับขายโทเคนราคาส่วนลดเหล่านั้นให้กับ SPV ในราคาที่สูงกว่า และถือกำไรส่วนต่าง 1.9 ล้านดอลลาร์ไว้เอง
หลังเกิดข้อกล่าวหา เกาได้ส่งอีเมลถึงผู้บริหารของบริษัทต่าง ๆ ในพอร์ตลงทุนของซีม่าคอร์ป โดยระบุว่าจะลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ และจะริเริ่มการ *ปิดบริษัทอย่างมีระเบียบ* (wind-down plan) อีเมลดังกล่าวถูกเปิดเผยโดยนักข่าวสายคริปโต เคต เออร์วิน(Kate Irwin) ผ่านโพสต์ในแพลตฟอร์ม X (ชื่อเดิมคือทวิตเตอร์)
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดคริปโตเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง ทำให้มีความกังวลว่าเมื่อ SEC เข้มงวดกับ ‘พฤติการณ์หลอกลวง’ แบบนี้มากขึ้น ความน่าเชื่อถือของตลาดก็อาจกลับคืนมา แต่ในขณะเดียวกัน ความ *คุ้มครองนักลงทุน* และความ *โปร่งใส* ก็จะกลายเป็นปัจจัยที่หน่วยงานกำกับจะผลักดันอย่างจริงจัง
*ความคิดเห็น*: กรณีของซีม่าคอร์ปเป็นสัญญาณสำคัญสำหรับนักลงทุนว่า แม้โอกาสในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลจะมีมาก แต่ก็ต้องตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้ออกข้อมูล และพิจารณาสถานะการรายงานผลการดำเนินงานอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน
นอกจากนี้ การเข้มงวดของ SEC ยังอาจขยายไปถึงบริษัท VC รายย่อย และการใช้โครงสร้าง SPV เพื่อหลีกเลี่ยงกฎระเบียบ อาจถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดในอนาคตเช่นกัน
ความคิดเห็น 0