บิตคอยน์(BTC) ปรับตัวขึ้นอีกครั้ง หลังสหรัฐฯ เผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) เดือนพฤศจิกายน อยู่ที่ 2.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 3.1% อย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้บิตคอยน์มีแนวโน้มฟื้นตัวไปสู่ระดับ 90,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1.32 ล้านบาทอีกครั้ง โดยนักวิเคราะห์มองว่าสถานการณ์นี้ช่วยกระตุ้นความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงในตลาด ซึ่งรวมถึงคริปโตเคอร์เรนซี
การที่อัตราเงินเฟ้อลดลงเร็วกว่าที่คาด เป็นสัญญาณสำคัญว่านโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) อาจไม่จำเป็นต้องดำเนินการคุมเข้มเพิ่มเติมในระยะใกล้ ซึ่งช่วยลดแรงกดดันในตลาดการเงินโดยรวม และสร้างบรรยากาศในการลงทุนที่ผ่อนคลายยิ่งขึ้น ส่งผลให้ราคาบิตคอยน์ดีดตัวขึ้นอย่างชัดเจนและสร้างแรงบวกต่อสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ
ข้อมูล ‘ออนเชน’ แสดงให้เห็นว่าการปรับตัวขึ้นของราคาครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงการซื้อคืนสถานะชอร์ตในระยะสั้นเท่านั้น แต่เกิดจากการไหลเข้าของ ‘ตำแหน่งซื้อใหม่’ ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนรายใหม่ที่เข้ามาในตลาด แบค(Back) เทรดเดอร์สายวิเคราะห์ กล่าวว่า ปริมาณ ‘สัญญาคงค้าง’ ในตลาดอนุพันธ์เพิ่มสูงขึ้นควบคู่ไปกับราคาบิตคอยน์ ซึ่งแสดงถึงแรงซื้อที่มีทิศทางสนับสนุนขาขึ้น
ขณะเดียวกันในตลาดออปชัน มีการตั้งข้อสังเกตว่า ‘แกมมาเอ็กซ์โปเชอร์’ มีลักษณะสมดุลใกล้กับราคาตลาดปัจจุบัน ซึ่งหมายความว่า หากมีเม็ดเงินใหม่เข้ามาเพิ่มเติม อาจทำให้เกิดความผันผวนทางราคาที่รุนแรงยิ่งขึ้นอีกในอนาคต
ในด้านพฤติกรรมผู้ถือเหรียญ ข้อมูลบนเครือข่ายบิตคอยน์ระบุว่า ยังไม่มีสัญญาณของ ‘การเทขายตัดขาดทุน’ หรือ ‘การยอมแพ้ในวงกว้าง’ อย่างชัดเจน ตรงกันข้าม กลับพบว่าบรรดานักลงทุนระยะยาวยังคงปรับพอร์ตและดูดซับแรงขายได้ดี ซึ่งสนับสนุนมุมมองว่าตลาดบิตคอยน์อาจอยู่ในช่วงของการฟื้นตัวเชิงโครงสร้าง มากกว่าการแกว่งตัวระยะสั้น
‘ความคิดเห็น’ ปัจจัยมหภาคทั่วโลกในตอนนี้ดูจะเอนเอียงไปในทิศทางบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงคริปโต จึงเป็นไปได้ว่าบิตคอยน์จะสามารถทดสอบระดับ ‘90,000 ดอลลาร์’ ได้ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งกลายเป็นจุดจับตาหลักของนักลงทุนรุ่นใหม่ที่หวังจะเห็น ‘แรลลีปลายปี’ กลับมาอีกครั้งในตลาดคริปโต
ความคิดเห็น 0