เมื่อวันที่ 21 เมษายน ตามเวลาท้องถิ่น แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตรายใหญ่ของสหรัฐฯ คอยน์เบส(Coinbase) ได้ประกาศเปิดตัวสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแบบฟิวเจอร์สของริปเปิล(XRP) บนกระดานอนุพันธ์ในประเทศอย่างเป็นทางการ โดยหลังการเปิดตัวเพียงไม่นาน ยอดการซื้อขายรายวันก็พุ่งแตะ 100 ล้านเหรียญสหรัฐดอลลาร์(USDC) สะท้อนความสนใจอย่างสูงจากทั้งนักลงทุนสถาบันและผู้ซื้อขายรายย่อย
สัญญาฟิวเจอร์สริปเปิลที่เปิดตัวครั้งนี้แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ แบบมาตรฐานที่มีริปเปิล 10,000 เหรียญเป็นสินทรัพย์อ้างอิง มุ่งเป้าไปที่นักลงทุนมืออาชีพและสถาบัน ส่วนอีกแบบคือ 'นาโน' ฟิวเจอร์ส ซึ่งอ้างอิงเพียง 500 ริปเปิล (ราว 1,000 ดอลลาร์ ณ วันที่ 21 เมษายน) เหมาะสำหรับผู้ลงทุนรายย่อยและสถาบันขนาดเล็ก
การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ครั้งนี้ยังช่วยขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์อนุพันธ์ของคอยน์เบส ที่ครอบคลุมมากกว่า 20 สัญญาเดิม เช่น บิตคอยน์(BTC), อีเธอเรียม(ETH), โดจคอยน์(DOGE) และโซลานา(SOL) อีกทั้งยังเสริมด้วยฟิวเจอร์สของคาร์ดาโน(ADA) และก๊าซธรรมชาติซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ CFTC
ในขณะเดียวกัน คอยน์เบส, โรบินฮู้ด และ CME ต่างเร่งขยายตลาดอนุพันธ์คริปโตเพื่อตอบรับกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยคอยน์เบสในขณะนี้เสนอผลิตภัณฑ์อนุพันธ์มากกว่า 92 รายการทั่วโลก และมี 24 รายการจดทะเบียนในสหรัฐฯ ปีที่ผ่านมา ปริมาณการซื้อขายอนุพันธ์ของคอยน์เบสเติบโตทะลุกว่า 10,000% และมีรายงานว่า บริษัทอยู่ระหว่างหาทางเข้าซื้อกิจการของแพลตฟอร์มอนุพันธ์อย่างเดริบิต(Deribit) เพื่อเพิ่มอิทธิพลในตลาด
อย่างไรก็ตาม เพียงไม่กี่วันก่อนการเปิดตัวฟิวเจอร์สริปเปิล อัยการสูงสุดรัฐออริกอนได้ยื่นฟ้องคอยน์เบส โดยกล่าวหาว่าเหรียญต่างๆ อย่างริปเปิล(XRP), ยูนิสวอป(UNI), ลิงก์(LINK), เอเอวีอี(AAVE), เมคเกอร์(MKR) รวมกว่า 31 รายการ มีลักษณะของ 'หลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียน' ซึ่งถูกเสนอขายผ่านแพลตฟอร์มของคอยน์เบส
เกี่ยวกับประเด็นนี้ พอล เกรเวล(Paul Grewal) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย (CLO) ของคอยน์เบส ออกมาวิจารณ์คดีความดังกล่าว โดยชี้ว่า ‘การฟ้องร้องนี้ไม่เพียงแต่จะส่งผลเสียต่อคอยน์เบสเท่านั้น แต่ยังเสี่ยงทำลายโครงสร้างพื้นฐานของอุตสาหกรรมคริปโตในวงกว้าง’ ทั้งยังกล่าวว่า กระบวนการนี้ขาดความน่าเชื่อถือและขับเคลื่อนด้วยแรงจูงใจทางการเมืองและการเงินเป็นหลัก
*ความคิดเห็น*: ความเคลื่อนไหวล่าสุดของคอยน์เบสในการเปิดตัวฟิวเจอร์สคริปโตใหม่ สะท้อนถึงแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดอนุพันธ์ และการแข่งขันเพื่อเป็นผู้นำในสนามนี้ยังคงดุเดือด ท่ามกลางแรงกดดันจากกฎระเบียบที่ยังไม่แน่นอนในสหรัฐฯ
ความคิดเห็น 0