บิตคอยน์(BTC) พุ่งทะลุ 100,000 ดอลลาร์ครั้งแรก หนุนโดย Fed คงดอกเบี้ย-นักลงทุนสถาบันแห่เข้า

ตลาดคริปโตในสัปดาห์นี้มีความเคลื่อนไหวที่น่าจับตามอง โดย ‘บิตคอยน์(BTC)’ ได้พุ่งทะลุระดับ *100,000 ดอลลาร์* เป็นครั้งแรก สืบเนื่องจากการคงอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทในอเมริกา และข่าวความคืบหน้าในข้อตกลงการค้าระหว่าง *ทรัมป์* กับอังกฤษ ปัจจัยเหล่านี้ช่วยผลักดันความมั่นใจของนักลงทุน ส่งผลให้เงินลงทุนจากสถาบันในการซื้อผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมโยงกับบิตคอยน์ไหลเข้า รวมมูลค่าสูงถึง *1.8 พันล้านดอลลาร์*

‘อีเธอเรียม(ETH)’ ก็มีพัฒนาการที่โดดเด่นไม่แพ้กัน หลังการ *อัปเกรด Pectra* เสร็จสมบูรณ์และประสบความสำเร็จ ทำให้ราคาทะลุ *2,300 ดอลลาร์* ขณะที่การเคลื่อนไหวของวาฬคริปโตแสดงให้เห็นว่า ปริมาณการซื้อสุทธิของผู้ถือเหรียญรายใหญ่เพิ่มขึ้นถึง *373%* นอกจากนี้ *ETF ของอีเธอเรียม* ยังมีเม็ดเงินไหลเข้าสูงถึง *17.6 ล้านดอลลาร์*

ด้านบริษัท ‘คอยน์เบส(COIN)’ ได้สร้างความฮือฮาด้วยการเข้าซื้อกิจการของแพลตฟอร์มอนุพันธ์คริปโต ‘Deribit’ เป็นมูลค่าถึง *2.9 พันล้านดอลลาร์* ถือเป็นดีลการควบรวมที่ใหญ่ที่สุดในวงการคริปโตในปัจจุบัน การเข้าซื้อครั้งนี้น่าจะช่วยให้คอยน์เบสสามารถแข่งขันกับ ‘ไบแนนซ์(Binance)’ ได้ดีขึ้นในตลาดอนุพันธ์

ในฝั่งของนโยบาย สภาสูงของสหรัฐได้ *ตีตกกฎหมาย GENIUS Act* ซึ่งเป็นร่างกฎหมายควบคุม ‘สเตเบิลคอยน์’ โดยมีเสียงวิพากษ์จากฝ่ายอนุรักษนิยมว่าสาเหตุเกิดจากการที่พรรคเดโมแครตพยายามสกัดอิทธิพลของประธานาธิบดีทรัมป์ในนาทีสุดท้าย

‘ETF บิตคอยน์’ ของ *แบล็คร็อก* ก็เดินหน้าอย่างโดดเด่น โดยเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม มีเงินทุนไหลเข้าสูงถึง *356 ล้านดอลลาร์* ภายในวันเดียว นับเป็นวันที่ 19 ติดต่อกันที่ ETF ดังกล่าวมีการไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง โดยยอดสะสมตั้งแต่กลางเดือนเมษายนทะลุ *1 พันล้านดอลลาร์* แล้ว

ขณะเดียวกัน ‘เมตา’ ก็กำลังพิจารณาการนำ *สเตเบิลคอยน์* มาใช้เพื่อสนับสนุนเหล่าครีเอเตอร์ในอินสตาแกรม โดยได้ดึงตัว *จินเจอร์ เบเคอร์* อดีตผู้อำนวยการจากมูลนิธิสเตลลาร์(SDF) มาร่วมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคริปโต

ในด้านอื่นๆ ยังมีข่าวสำคัญ เช่น ‘กาแลกซี ดิจิทัล’ ได้รับอนุมัติให้จดทะเบียนในตลาด ‘แนสแด็ก’, ทางการเยอรมนีมีการเร่งสืบคดีอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโต, รวมถึง ‘รัฐนิวแฮมป์เชียร์’ ผ่านร่างกฎหมายให้สามารถถือบิตคอยน์ไว้ในคลังของรัฐได้

ปัจจัยที่ต้องจับตามองในอนาคต ได้แก่ ความล่าช้าของกฎหมายสเตเบิลคอยน์, แรงซื้ออีเธอเรียมที่อาจดึง ‘อัลท์ซีซัน’ ให้กลับมา และท่าทีของแต่ละรัฐในสหรัฐที่เริ่มออกกฎควบคุมสินทรัพย์คริปโตอย่างจริงจัง