อุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซีเดินหน้าเข้าสู่ ‘ยุคเมือง’ โดยยุติช่วงเวลาแห่งการบุกเบิกแบบตะวันตกแล้วอย่างเป็นทางการ จากรายงานล่าสุดของไทเกอร์ รีเสิร์ช(Tiger Research) ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 24 พบว่า แกนกลางของยุคใหม่ในระบบเว็บ3 ถูกขับเคลื่อนโดย ‘สเตเบิลคอยน์’, เทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐาน และโมเดลธุรกิจที่เน้นการใช้งานจริง
รายงานนี้อ้างอิงข้อมูลจากงานประชุม TOKEN2049 ประจำปี 2025 ที่จัดขึ้นที่นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งในปีนี้มีผู้เข้าร่วมกว่า 15,000 คน จากกว่า 160 ประเทศ ถือเป็นมหกรรมระดับโลกของวงการคริปโต โดยไทเกอร์ รีเสิร์ชระบุว่า ‘สเตเบิลคอยน์’ คือหัวข้อที่ได้รับความสนใจสูงสุด คิดเป็นกว่า 14% ของหัวข้อทั้งหมด แซงหน้า AI อย่างเห็นได้ชัด และสะท้อนให้เห็นว่าสเตเบิลคอยน์กำลังกลายเป็น ‘โครงสร้างพื้นฐานหัวใจของเศรษฐกิจดิจิทัล’
บล็อกเชนหลักอย่าง โซลานา(SOL), โทรอน(TRX) และ TON ต่างสร้างกลยุทธ์แบบบูรณาการเพื่อพัฒนาระบบชำระเงิน, ขยายการใช้งานกระเป๋าเงินดิจิทัล และผลักดันการยอมรับในภาคสถาบัน ซึ่ง ‘ความคิดเห็น’ ของนักวิจัยชี้ว่านี่เป็นการก้าวข้ามจากการรวมระบบ สู่การขยายผลในลักษณะโครงข่ายการเงิน และเริ่มเชื่อมโยงกับโลกการใช้จ่ายจริงในชีวิตประจำวัน
แม้ AI ยังถูกพูดถึงในงาน แต่ความคาดหวังที่สูงเกินไปและความไม่ชัดเจนของกรณีใช้งาน ทำให้เกิดความระมัดระวังมากขึ้น ผู้เข้าร่วมจำนวนมากตั้งคำถามกับโครงการ AI ที่ยังไม่สามารถสร้างคุณค่าเชิงรูปธรรม และให้ความสำคัญกับพื้นฐานระยะยาว เช่น เฟรมเวิร์กแบบกระจายศูนย์แบบโอเพ่นซอร์ส หรือโครงข่ายประมวลผล AI ที่มีศักยภาพตามความเป็นจริง ทั้งนี้ โครงสร้างบล็อกเชนผสาน AI ยังถือเป็นพื้นที่ที่มี ‘ศักยภาพสูง’ แต่สถานะปัจจุบันยังคงอยู่ในขั้นทดลองเท่านั้น
อีกกระแสที่น่าสนใจคือ แนวโน้มการขาย ‘โหนด’ หรือสิทธิเข้าร่วมเครือข่าย ซึ่งแม้จะสะท้อนถึงการกระจายอำนาจในทางอุดมคติ แต่ในทางปฏิบัติกลับถูกมองว่าเป็นช่องทางระดมเงินจากรายย่อยในระยะสั้น มีข้อกังวลเกี่ยวกับโครงสร้างผลตอบแทนที่เกินจริง และความไร้ประสิทธิภาพของเอฟเฟกต์เครือข่าย ส่งผลให้มีคำถามต่อความยั่งยืนในระยะยาว
ข้อถกเถียงสำคัญอีกประการคือช่องว่างระหว่างเทคโนโลยีกับตลาด โดยทีมพัฒนาหลายทีมแม้จะมีศักยภาพทางเทคนิคสูง แต่ไม่สามารถดึงดูดความสนใจจากตลาดได้ จึงนำไปสู่ข้อเสนอว่าการคิดในแง่มุมการค้า เช่น การตอบโจทย์ผู้ใช้งานจริง, การสร้างสภาพคล่อง และการร่วมมือกับแพลตฟอร์มซื้อขาย กลายเป็นหัวใจของการผลักดันให้ผลิตภัณฑ์เข้าสู่ตลาดได้จริง
ความเคลื่อนไหวจากบริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมยิ่งช่วยยืนยันถึง ‘การเติบโตแบบเมือง’ ของวงการคริปโต ตั้งแต่ เทเธอร์ที่เตรียมออกสเตเบิลคอยน์ภายใต้กรอบกำกับของสหรัฐ, OKX ที่ขยายบริการฝากทรัพย์สินสำหรับสถาบัน และระบบการชำระเงิน และ ไรท์พาร์คที่เปิดตัวโปรโตคอลการชำระเงินบนบิตคอยน์(BTC) ขณะเดียวกัน MEXC และ Zodia ได้ประกาศลงทุนใหญ่ในระบบดูแลสินทรัพย์และบล็อกเชนแบบมีโมดูล จุดประกายยุคใหม่ที่มุ่งเน้นโครงสร้างพื้นฐานและความยั่งยืน
ไทเกอร์ รีเสิร์ชสรุปว่า วงการคริปโตเคอเรนซีไม่สามารถอาศัยเพียง ‘นวัตกรรมแนวคิด’ ได้อีกต่อไป หากต้องการความสนใจจากตลาด เวลานี้ นักลงทุนและผู้ใช้งานต้องการเห็น ‘การสร้างคุณค่าอย่างชัดเจน’ และ ‘กรณีใช้งานที่จับต้องได้’ ซึ่งนำไปสู่ความจำเป็นของโมเดลธุรกิจที่สามารถดำรงอยู่ได้จริงในระบบนิเวศแบบเมือง
ที่สุดแล้ว ตลาดคริปโตได้ก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาที่ไม่เน้นการขายฝันอีกต่อไป แต่เป็นยุคที่ต้องพิสูจน์แผนการขยายตัวด้วย ‘การปฏิบัติได้จริง’ โดยมี 3 เสาหลักที่เป็นแนวทางระยะกลางถึงยาว ได้แก่ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในโลกจริง, การพัฒนาในสภาพแวดล้อมที่มีกรอบกำกับคงที่ และการเปิดรับจากภาคสถาบัน การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะกลายเป็นปัจจัยหนุนให้โครงสร้างของระบบเว็บ3 เติบโตขึ้นอย่างเป็นระบบในอนาคตอันใกล้.
ความคิดเห็น 0