สไตรฟ์(Strive Asset Management) บริษัทจัดการสินทรัพย์จากสหรัฐอเมริกา ระดมทุนได้มูลค่ารวมกว่า 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.02 หมื่นล้านบาท) เพื่อนำไปใช้ใน *กลยุทธ์ที่มุ่งสร้างผลตอบแทนจากบิตคอยน์(BTC)* โดยตรง โดยเงินทุนดังกล่าวจะถูกนำไปใช้สำหรับซื้อสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับบิตคอยน์ รวมถึงการเข้าถือสิทธิ์หนี้ที่เกิดจากกรณีการแฮ็กและล้มละลายในอุตสาหกรรมคริปโต
เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม สไตรฟ์ประกาศว่า *กลยุทธ์การลงทุนครั้งนี้* จะเน้นการซื้อหาสินทรัพย์ที่มูลค่าต่ำกว่าราคาจริง เช่น หุ้นของบริษัทไบโอเทคที่ยังไม่ได้รับการประเมินมูลค่าอย่างเหมาะสม, สิทธิการเรียกร้องที่เกี่ยวข้องกับบิตคอยน์จากกรณีแฮ็กหรือล้มละลาย, และการเข้าซื้อผลิตภัณฑ์เครดิตที่มีความเสี่ยงสูงซึ่งมีบิตคอยน์เป็นสินทรัพย์อ้างอิงด้วยราคาที่มีส่วนลด โดย แมตต์ โคล(Matt Cole) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสไตรฟ์ เผยว่า “เป้าหมายของเราคือสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าการถือครองบิตคอยน์โดยตรง ด้วยวิธีประเมินมูลค่าแบบใหม่”
การระดมทุนครั้งนี้ดำเนินการผ่านการขายหุ้นแบบส่วนตัวโดยตั้งราคาหุ้นละ 1.35 ดอลลาร์ ซึ่งบริษัทได้จับมือกับ เอสเซ็ต เอนทิตีส์ (Asset Entities) บริษัทการตลาดดิจิทัลในการดำเนินการดังกล่าว โดยทั้งสองบริษัทกำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนการควบรวมกิจการ ทั้งนี้ หากมีการใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุน (warrant) ครบถ้วน มูลค่าระดมทุนทั้งหมดอาจเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์ (ราว 2.05 หมื่นล้านบาท) และหากเงินทุนทั้งหมดถูกนำไปซื้อบิตคอยน์ สไตรฟ์อาจกลายเป็นหนึ่งในห้าอันดับแรกของบริษัทที่ถือครองบิตคอยน์มากที่สุดในโลกโดยพิจารณาจากปริมาณการถือครอง
ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม สไตรฟ์ได้ประกาศอย่างเป็นทางการถึง *กลยุทธ์บริหารทุนสำรองในรูปบิตคอยน์* พร้อมเปิดเผยในแบบแจ้งการลงทุนเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมว่า บริษัทมีแผนเข้าซื้อสิทธิการเรียกร้องจำนวน 75,000 BTC ที่เกี่ยวข้องกับคดีล้มละลายของมาวน์ต์ก็อกซ์(Mt. Gox) แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่มีประวัติอื้อฉาวในอดีต
นอกจากนี้ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา สไตรฟ์ได้เริ่มให้บริการผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับบิตคอยน์แก่ลูกค้า และมีความเคลื่อนไหวในการขออนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลเพื่อนำเสนอ *กองทุน ETF ที่อิงกับพันธบัตรบิตคอยน์* เพื่อเข้าสู่ภาคการเงินแบบดั้งเดิมในระดับที่กว้างขึ้น
*สไตรฟ์ก่อตั้งโดย วิเวก รามาสวามี(Vivek Ramaswamy)* นักการเมืองและมหาเศรษฐีผู้สร้างชื่อมาจากธุรกิจด้านชีววิทยาศาสตร์กับบริษัทโรอีแวนต์ ไซเอนซ์(Roivant Sciences) โดยเขาเคยเข้าชิงตำแหน่งในพรรครีพับลิกันแข่งกับทรัมป์ แต่ถอนตัวและประกาศสนับสนุนประธานาธิบดีทรัมป์ในเวลาต่อมา ทรัมป์เองก็เคยลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อเดือนมีนาคม *เพื่อวางกรอบยุทธศาสตร์ของรัฐในการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล* และเริ่มสำรองบิตคอยน์ในระดับประเทศ ความเคลื่อนไหวของสไตรฟ์จึงสอดคล้องกับกระแสสนับสนุนจากภาครัฐที่เข้มข้นขึ้นในโลกคริปโตปัจจุบัน
*ความคิดเห็น:* ท่ามกลางความไม่แน่นอนของตลาดคริปโต การที่สไตรฟ์ลงทุนในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการล้มละลายและหนี้สินที่มีส่วนลด อาจสะท้อนมุมมองที่มองเห็นโอกาสในความเสี่ยง ซึ่งหากสำเร็จอาจสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับการลงทุนในกลุ่มบิตคอยน์อย่างมีชั้นเชิงมากขึ้น
ความคิดเห็น 0