สภาคองเกรสสหรัฐเสนอ 'CLARITY Act 2025' คลี่ปมกฎกำกับคริปโต หวังยกระดับโปร่งใส-หนุนอุตสาหกรรมโต

สภาคองเกรสของสหรัฐเดินหน้าเสนอร่างกฎหมายใหม่เพื่อวางกรอบการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างครอบคลุม เมื่อวันที่ 29 (เวลาท้องถิ่น) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เฟรนช์ ฮิลล์(French Hill) พร้อมด้วยสมาชิกสภาร่วมอีกหลายคน ได้ประกาศเปิดตัวร่างกฎหมาย "กฎหมายชี้แจงตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลปี 2025 (CLARITY Act of 2025)" โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความชัดเจนทางกฎหมายให้กับตลาดคริปโตเคอร์เรนซีที่กำลังเติบโตทั่วประเทศ

ร่างกฎหมายฉบับนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อยุติกรณีพิพาทด้านเขตอำนาจกำกับดูแลระหว่างคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) กับคณะกรรมาธิการการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า (CFTC) ซึ่งเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมาอย่างยาวนาน โดยจะกำหนดในรายละเอียดว่า ‘สินทรัพย์ดิจิทัล’ ประเภทใดอยู่ภายใต้การดูแลของหน่วยงานใด เพื่อลดความซ้ำซ้อนด้านนโยบายและเปิดทางให้กับกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ทั้งนี้ สมาชิกพรรคเดโมแครต 3 รายได้ร่วมผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าวด้วย ทำให้เกิดการสนับสนุนในลักษณะ ‘สองพรรค’ อย่างชัดเจน

ฮิลล์กล่าวว่า ร่างกฎหมายนี้ให้ความสำคัญกับ ‘การคุ้มครองผู้บริโภค’ และ ‘การส่งเสริมนวัตกรรมภายในสหรัฐฯ’ โดยอ้างอิงจากผลการอภิปรายในการประชุมรัฐสภาสมัยที่ 118 พร้อมย้ำว่า "การจัดระเบียบตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลให้ชัดเจนจะช่วยยกระดับ ‘ความโปร่งใส’ และ ‘ความสามารถในการคาดการณ์’ ให้กับผู้เล่นในอุตสาหกรรม"

ความชัดเจนเชิงกฎระเบียบอาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้ภาคอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลในสหรัฐเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยบางฝ่ายมองว่า หากร่างกฎหมายของสหรัฐมีความคล้ายคลึงกับ ‘กฎหมายควบคุมตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลของสหภาพยุโรป’ หรือ MiCA ที่เพิ่งบังคับใช้ อาจจะช่วยเสริมบทบาทของสหรัฐในตลาดคริปโตระดับโลก ตัวอย่างเช่น ในวันเดียวกัน แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตอย่าง ไบร์บิต(Bybit) ก็ได้รับการอนุมัติภายใต้กรอบ MiCA เพื่อขยายกิจการในยุโรปอย่างเป็นทางการ

ขณะเดียวกัน รอสติน เบนแฮม(Rostin Behnam) อดีตประธาน CFTC ได้ออกแถลงการณ์แยกต่างหาก เน้นย้ำว่า "ด้วยความซับซ้อนของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล การขยายอำนาจกำกับดูแลให้ CFTC จึงมีความจำเป็น" ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มการประสานบทบาทระหว่างหน่วยงานกำกับที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ทั้งนี้ ด้วยกระแสความสนใจจากทั้งฝ่ายนิติบัญญัติ ผู้กำกับดูแล และภาคเอกชน ทำให้ประเด็นด้านนโยบายสินทรัพย์ดิจิทัลมีแนวโน้มจะกลายเป็นวาระสำคัญทางการเมืองในช่วงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำลังจะมาถึงในสหรัฐฯ โดยเฉพาะในด้าน ‘กฎระเบียบ’ ที่อาจพลิกโฉมทิศทางของตลาดคริปโตทั่วโลกในอีกไม่นานนี้