พลาสมา(Plasma) ระดมทุน 24 ล้านดอลลาร์ พัฒนาบล็อกเชนใหม่รองรับ USDT

บริษัทพลาสมา(Plasma) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการสเตเบิลคอยน์ ประกาศระดมทุนมูลค่า 24 ล้านดอลลาร์ หรือราว 872 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนา ‘บล็อกเชนใหม่’ สำหรับเทเธอร์(USDT)

ตามรายงานของ Fortune การระดมทุนรอบนี้นำโดย Framework Ventures พร้อมด้วยนักลงทุนรายสำคัญอย่างบิทฟิเน็กซ์(Bitfinex), ปีเตอร์ ธีล(Peter Thiel) และพาโอล อาร์โดอิโน(Paolo Ardoino) ซีอีโอของเทเธอร์

พอล แฟกส์(Paul Faecks) ผู้ร่วมก่อตั้งพลาสมา เผยว่าบล็อกเชนใหม่นี้จะถูกสร้างขึ้นบนเครือข่ายของบิตคอยน์(BTC) และจะใช้โมเดล ‘ไม่มีค่าธรรมเนียม’ สำหรับธุรกรรม USDT เพื่อเพิ่มจำนวนผู้ใช้งาน ปัจจุบัน USDT ถูกใช้บนหลายบล็อกเชนอยู่แล้ว แต่เครือข่ายของพลาสมาจะได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมกับการทำธุรกรรมสเตเบิลคอยน์เป็นพิเศษ โดยเน้นเรื่อง ‘ความเร็วและประสิทธิภาพในการชำระเงิน’

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผู้ใช้ทั่วไปจะไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม แต่ผู้ให้บริการดีไฟ (เช่น Curve และ Aave) ที่ต้องการใช้งานบล็อกเชนของพลาสมา อาจต้องมีค่าใช้จ่ายบางส่วน ทั้งนี้ เทเธอร์และบิทฟิเน็กซ์ยังไม่ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับประเด็นนี้

ช่วงที่ผ่านมาทางเทเธอร์ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบชำระเงินข้ามบล็อกเชน โดยล่าสุดได้รวมเข้ากับ LayerZero เพื่อเชื่อมโยงเครือข่าย The Open Network(TON) เข้ากับระบบ USDT นอกจากนี้ยังได้เลือกใช้อาร์บิทรัม(Arbitrum) เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับโครงการสเตเบิลคอยน์ข้ามบล็อกเชนที่เรียกว่า USDT0

การแข่งขันในตลาดสเตเบิลคอยน์ก็ทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง แม้ว่า USDT จะยังเป็นอันดับหนึ่งในแง่ของมูลค่าตลาด แต่ Circle และสเตเบิลคอยน์ USD Coin(USDC) ก็กลับมาเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งอีกครั้ง USDC มีปริมาณหมุนเวียนทะลุ 56,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2.03 ล้านล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงขาลงของตลาดในปี 2023

ขณะเดียวกัน สเตเบิลคอยน์ USDG ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายดอลลาร์โลก เช่น Kraken, Paxos และ Robinhood ก็กำลังเข้าสู่ตลาด ส่วน Crypto.com ยังมีแผนเปิดตัวสเตเบิลคอยน์ของตัวเองภายในปีนี้

แนวโน้มจากหน่วยงานกำกับดูแลก็บ่งชี้ว่า สเตเบิลคอยน์กำลังถูกพิจารณาให้เป็นสินทรัพย์ทางการเงินที่ได้รับการยอมรับมากขึ้น ทิโมธี มาซซาด(Timothy Massad) อดีตประธานคณะกรรมาธิการการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า (CFTC) กล่าวว่า “สเตเบิลคอยน์เป็นหนึ่งในการประยุกต์ใช้บล็อกเชนที่มีประโยชน์มากที่สุด” ในระหว่างการไต่สวนของสภาคองเกรสที่ผ่านมา