เมื่อวันที่ 4 (เวลาท้องถิ่น) คณะกรรมาธิการบริการทางการเงินแห่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ (HFSC) ได้จัดการไต่สวนเกี่ยวกับร่างกฎหมายกำกับดูแลทรัพย์สินดิจิทัล ท่ามกลางกระแสวิจารณ์ที่ระบุว่าอาจเกิด ‘ความขัดแย้งทางผลประโยชน์’ ระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์และอุตสาหกรรมคริปโต
แม็กซีน วอเทอร์ส(Maxine Waters) สมาชิกสภาผู้แทนฯ กล่าวในที่ประชุมว่า หากร่างกฎหมายความชัดเจนในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล หรือที่เรียกว่า ‘CLARITY’ ขาดหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน อาจเปิดช่องให้ทรัมป์แสวงหาประโยชน์ส่วนตนจากสกุลเงินดิจิทัล วอเทอร์สยังเปิดเผยว่าทรัมป์เคยร่วมรับประทานอาหารค่ำกับกลุ่มผู้ถือครองเหรียญมีม (Meme Coin) ซึ่งบางคนต้องจ่ายเงินสูงถึงประมาณ 1.45 ล้านบาท (หรือราว 139,000 ดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อเข้าร่วมงานดังกล่าว
“พฤติกรรมเช่นนี้สร้างความเสื่อมศรัทธาต่อระบบของประเทศ” วอเทอร์สกล่าว พร้อมตำหนิว่าร่างกฎหมาย CLARITY ถูกผลักดันอย่างเร่งรีบ ภาษากฎหมายมีความสลับซับซ้อน และอาจยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้กับนักลงทุนในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล
วอเทอร์สชี้ว่ากฎหมายฉบับนี้เปิดช่องให้การคุ้มครองนักลงทุนลดลง เนื่องจากมีการกำหนดข้อยกเว้นต่อพฤติกรรมที่อาจมีความเสี่ยงไว้กว้างเกินไป และในกรณีที่นักลงทุนสูญเสียทรัพย์สิน ก็อาจไม่ได้รับความคุ้มครองใด ๆ
“ร่างกฎหมายนี้ยังมีเนื้อหาที่กระทบต่อ *ความมั่นคงของประเทศ* และ *ไม่มีแม้แต่บทลงโทษสำหรับอาชญากรรมทางคริปโต*” วอเทอร์สกล่าวเสริม
ความเห็นของวอเทอร์สดูจะสะท้อนความกังวลจากฝั่งพรรคเดโมแครตต่อความเชื่อมโยงระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์และอุตสาหกรรมคริปโต โดยเฉพาะเมื่อทรัมป์อยู่ในสถานะ *ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี* การที่เขาอาจใช้ร่างกฎหมายที่ไม่รัดกุมนำเงินของพลเมืองสหรัฐเข้าสู่กระเป๋าสตางค์ดิจิทัล ก็ยิ่งสร้างข้อสงสัยต่อความโปร่งใสของกระบวนการออกกฎหมาย
การไต่สวนครั้งนี้ยังเน้นถึงความแตกต่างทางความเห็นระหว่างสองพรรคต่อเนื้อหาและทิศทางของร่างกฎหมาย CLARITY ซึ่งยิ่งตอกย้ำความ *ไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบของทรัพย์สินดิจิทัล* ที่อาจยังคงอยู่ต่อไปในระยะเวลาอันใกล้
ความคิดเห็น 0