การชำระหนี้คืนให้แก่เจ้าหนี้ของเอฟทีเอ็กซ์(FTX) ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจัง หลังจากเหตุการณ์ล้มละลายที่ผ่านมานานเกือบ 3 ปี โดยข้อมูลล่าสุดเผยว่า *เจ้าหนี้รายย่อย* ที่มีหนี้ไม่เกิน 50,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 6.9 ล้านบาท) ได้รับเงินคืนร้อยละ 120 ของเงินต้น ขณะที่เจ้าหนี้รายใหญ่ได้รับเงินคืนราวร้อยละ 72.5 ของหนี้ที่มีอยู่ในขณะนี้
ซูนีล คาบูรี(Sunil Kavuri) ซึ่งเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของเจ้าหนี้มาตลอด ได้เปิดเผยข้อมูลนี้ผ่านโซเชียลมีเดีย โดยระบุว่าเจ้าหนี้รายย่อยได้รับการชำระคืนครบถ้วนในสองช่วง ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์และพฤษภาคม 2025 ส่วนเจ้าหนี้รายใหญ่ได้รับเงินคืนเบื้องต้นเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และคาดว่าจะได้รับเงินส่วนที่เหลือในเดือนตุลาคมและธันวาคม 2026 รวมถึงตลอดปี 2027 หากเป็นไปตามแผน เจ้าหนี้รายใหญ่ก็จะได้รับเงินคืน *เต็มจำนวนในมูลค่าที่กำหนดไว้* นอกจากนี้ยังมีการคำนวณว่าหากรวมดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นหลังจากเกิดเหตุการณ์ล้มละลาย ผลตอบแทนรวมที่เจ้าหนี้จะได้รับอาจอยู่ในช่วงร้อยละ 40–80
การดำเนินการครั้งนี้เป็นไปตาม *แผนฟื้นฟูกิจการตามมาตรา 11* ที่ได้รับการรับรองจากศาลรัฐบาลกลางรัฐเดลาแวร์ โดยมีบริษัทดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างบิตโก(BitGo) และคราเคน(Kraken) เข้ามารับผิดชอบในกระบวนการชำระหนี้
เอฟทีเอ็กซ์ พร้อมด้วยบริษัทย่อยกว่า 100 แห่ง รวมถึง เอฟทีเอ็กซ์ยูเอส(FTX.US) และอาลาเมดา รีเสิร์ช(Alameda Research) ได้ยื่นขอล้มละลายเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2022 หลังจากนั้น แซม แบงก์แมน-ฟรายด์(Sam Bankman-Fried) ก็ลาออกจากการเป็นซีอีโอ และได้มีการแต่งตั้ง จอห์น เจ. เรย์ ที่ 3 (John J. Ray III) ซึ่งเคยดูแลการฟื้นฟูกิจการของเอนรอน มารับหน้าที่จัดการโครงสร้างองค์กรใหม่ โดยแบงก์แมน-ฟรายด์ถูกศาลสหรัฐฯ ตัดสินจำคุก 25 ปีในข้อหาโกงเงินลูกค้าและนักลงทุน ขณะที่อดีตซีอีโอของอาลาเมดาอย่าง แคโรไลน์ เอลลิสัน(Caroline Ellison) ก็ถูกตัดสินจำคุก 2 ปี
คดีล้มละลายของเอฟทีเอ็กซ์ยังลากยาวไปถึงการฟ้องร้องกลุ่มคนดังที่เคยมีส่วนร่วมในการโฆษณาแพลตฟอร์ม อย่างไรก็ตาม ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ศาลสหรัฐฯ ได้ยกฟ้องคดีส่วนใหญ่ที่มีต่อทอม เบรดี, จีเซล บุนด์เชน, เควิน โอเลียรี และสเตฟเฟน เคอร์รี ถือเป็นการตัดสินให้พ้นความผิดอย่างไม่เป็นทางการ
ในทางกลับกัน นักบาสเกตบอลชื่อดัง ชาคีล โอนีล ก็เผชิญกับคดีความในข้อหาโฆษณาชวนเชื่อให้กับแพลตฟอร์มเอฟทีเอ็กซ์ ซึ่งต่อมาเขาตกลงยินยอมชำระเงินชดเชยจำนวน 1.8 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 25 ล้านบาท) ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าค่าตัวที่เขาได้รับจากการแสดงโฆษณา (750,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 10.5 ล้านบาท) โดยโอนีลยืนยันว่าเขาเป็นเพียง *ผู้รับจ้างแสดงโฆษณา* เท่านั้น และจากข้อตกลงยอมความครั้งนี้ เขาจะไม่ได้รับสิทธิในการเรียกร้องเงินคืนจากกองทุนทรัพย์สินของบริษัทอีกต่อไป
แม้การจ่ายเงินคืนทั้งหมดจะยังต้องใช้เวลาอีกประมาณ 2–3 ปี แต่ความคืบหน้าที่ปรากฏในขณะนี้ ตั้งแต่เจ้าหนี้รายย่อยไปจนถึงนักลงทุนรายใหญ่ กำลังแสดงให้เห็นว่าการฟื้นตัวกำลังเป็นรูปธรรมมากขึ้น และนี่นับเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อ *ความเชื่อมั่นในตลาดคริปโต* ที่กำลังฟื้นตัวอีกครั้ง
ความคิดเห็น 0