มิสเทนแล็บส์เปิดตัว ‘วอลรัส’ ปฏิวัติระบบสตอเรจแบบกระจายศูนย์

มิสเทนแล็บส์(Mysten Labs) เตรียมเปิดตัว ‘วอลรัส(Walrus)’ โปรโตคอลสตอเรจแบบกระจายศูนย์ตัวใหม่ ซึ่งเป็นโปรเจกต์ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่ม ‘ประสิทธิภาพด้านต้นทุน’ และ ‘ความสามารถในการโปรแกรม’ ของการจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ ตามรายงานล่าสุดของ Four Pillars บริษัทวิจัยบล็อกเชนระดับโลก

ก่อนหน้านี้ มิสเทนแล็บส์ได้ประสบความสำเร็จกับเครือข่าย ‘ซุย(Sui)’ และโปรโตคอล ‘ดีปบุ๊ก(DeepBook)’ ซึ่งได้รับการยอมรับในตลาดเป็นอย่างดี วอลรัสจึงเป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์ที่คาดว่าจะช่วยเพิ่มความสามารถของระบบจัดเก็บข้อมูลให้อยู่ในระดับที่ดีขึ้น

วอลรัสได้รับการพัฒนาเพื่อลดข้อจำกัดของระบบสตอเรจแบบกระจายศูนย์ที่มีอยู่ เช่น อัลวีฟ(Arweave) และ ไฟล์คอยน์(Filecoin) โดยอัลวีฟใช้กลไกที่กำหนดให้ทุกโหนดต้องเก็บข้อมูลเดียวกันทั้งหมด ส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในขณะที่ไฟล์คอยน์ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกตัวเลือกในการจัดเก็บข้อมูลได้ แต่กลับมีความเสี่ยงต่อการสูญหายของข้อมูลหากจำนวนการสำรองมีน้อย

ตามรายงานของ Four Pillars วอลรัสนำเสนอการเข้ารหัสแบบ ‘Reed-Solomon encoding’ ซึ่งช่วยลดต้นทุนการจัดเก็บข้อมูลลงได้สูงสุดถึง ‘100 เท่า’ เมื่อเทียบกับโซลูชันที่มีอยู่ พร้อมกับรักษาความปลอดภัยของข้อมูลให้อยู่ในระดับสูง

คุณสมบัติหลักที่ทำให้วอลรัสแตกต่างคือ ‘ความสามารถในการโปรแกรม’ เดิมที ระบบสตอเรจแบบบล็อกเชนมักทำหน้าที่เป็นที่เก็บข้อมูลเพียงอย่างเดียว แต่วอลรัสสามารถทำงานร่วมกับเครือข่ายซุยได้โดยตรง ทำให้สามารถอ้างอิงและดำเนินการข้อมูลผ่าน ‘สมาร์ตคอนแทร็กต์(Smart Contract)’ ได้

ตัวอย่างเช่น หากมีการสร้าง NFT ขึ้นมา ข้อมูลต้นฉบับจะถูกจัดเก็บในวอลรัส ขณะที่ข้อมูลเมตาจะถูกทำให้เป็นวัตถุ(Object) บนบล็อกเชน วิธีนี้จะช่วยเพิ่มความเป็นอิสระของ NFT ในระบบออนเชนได้อย่างสมบูรณ์แบบ

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือ ‘การลบข้อมูล’ ซึ่งถือเป็นข้อจำกัดหลักของระบบสตอเรจแบบกระจายศูนย์ในปัจจุบัน โดยปกติแล้วข้อมูลที่ถูกอัปโหลดจะไม่สามารถลบออกได้ ซึ่งเป็นทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนของระบบเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม วอลรัสมีฟังก์ชันที่จะช่วยให้ข้อมูลสามารถถูกลบออกได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด ซึ่งจะช่วยให้เป็นมิตรกับ ‘กฎระเบียบข้อบังคับ’ มากขึ้น และเอื้อต่อการนำไปใช้ในระดับองค์กร

จากมุมมองของ Four Pillars วอลรัสไม่ได้เป็นเพียงแค่โปรโตคอลสตอเรจทั่วไป แต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของเครือข่ายซุย โดยเฉพาะหากมีการใช้กลไก ‘เผาผลาญ(SUI Burn Mechanism)’ ซึ่งจะทำให้ปริมาณโทเคนซุย(SUI) ลดลงเมื่อทำธุรกรรมบนระบบวอลรัส ส่งผลให้โทเคนมีความ ‘หายาก’ และอาจนำไปสู่ความต้องการที่เพิ่มขึ้น

โดยสรุป วอลรัสมีศักยภาพที่จะเป็นองค์ประกอบสำคัญในการเปลี่ยนแปลงตลาดสตอเรจแบบกระจายศูนย์ พร้อมแข่งขันกับโปรเจกต์ชั้นนำอย่างไฟล์คอยน์และอัลวีฟ นอกจากนี้ เครือข่ายซุยและผู้ใช้อาจได้รับประโยชน์จากการพัฒนาใหม่นี้อย่างมาก ทั้งในแง่ของประสิทธิภาพ ค่าใช้จ่าย และความยืดหยุ่นในการใช้งาน นักลงทุนและผู้พัฒนาต่างจับตามองความคืบหน้าของวอลรัสและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต