เครือข่ายบล็อกเชนชื่อดัง *ทรอน(TRON)* ยังคงแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องในไตรมาสแรกของปี 2025 ทั้งในด้านมูลค่าตลาด ปริมาณธุรกรรม และจำนวนเหรียญสเตเบิลคอยน์ที่อยู่ในการหมุนเวียน ตามรายงานฉบับล่าสุดของเมสซารี รีเสิร์ช(Messari Research) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มูลค่าตลาดของ *TRX* เพิ่มขึ้น 3.5% จากไตรมาสก่อนหน้า แตะระดับ 22.7 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่รายได้ต่อไตรมาสทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 760.2 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ รายได้รวมของทรอนในแง่ของเหรียญ TRX ลดลงเนื่องจากผลกระทบจากราคาตลาด แต่หากวัดเป็นดอลลาร์สหรัฐพบว่าเพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ด้านเมสซารีให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การเพิ่มขึ้นของเหรียญในระบบช่วงสั้น ๆ เป็นผลจากการเปลี่ยนผ่านทางเทคนิคไปสู่ ‘USDD 2.0’ ซึ่งไม่ถือเป็นการเพิ่มปริมาณเหรียญโดยรวมอย่างแท้จริง และเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางเศรษฐกิจแบบลดเหรียญในระบบ (Deflationary Model)
สเตเบิลคอยน์ยังเป็นแกนหลักของระบบนิเวศทรอน โดย USDT บนเครือข่ายทรอนมีมูลค่ารวม 65.7 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็น 45.9% ของ USDT ที่มีในการหมุนเวียนทั้งหมดทั่วโลก และมีปริมาณธุรกรรมเฉลี่ยรายวันที่ 19 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 3.3% จากไตรมาสที่แล้ว มูลค่ารวมของสเตเบิลคอยน์ในเครือข่ายก็เติบโตขึ้น 12.8% สู่ระดับ 66.2 พันล้านดอลลาร์ แม้ USDD เองจะมีมูลค่าตลาดลดลงชั่วคราวจากกระบวนการย้ายเวอร์ชัน แต่การเปิดตัว ‘USDD 2.0’ ทำให้เกิดความมั่นคงมากยิ่งขึ้น
ในมุมของ *ดีไฟ (DeFi)* มูลค่ารวมที่ถูกล็อก (TVL) ของทรอนลดลง 36.7% การจัดอันดับโลกลดลงจากอันดับ 3 มาอยู่ที่อันดับ 5 อย่างไรก็ตาม ปริมาณธุรกรรมผ่าน DEX อย่าง *SUN V3* เพิ่มขึ้น 14.2% โดยคิดเป็นสัดส่วน 89.4% ของธุรกรรม DEX ทั้งหมดบนทรอน และเมื่อรวมกับ *JustLend* มีสัดส่วนถึง 99% ของมูลค่า TVL ทั้งเครือข่าย ซึ่งสะท้อนถึงประสิทธิภาพเชิงกลยุทธ์ด้านสภาพคล่อง
จำนวนผู้ใช้งานของทรอนยังคงอยู่ในระดับมั่นคง โดยที่อยู่ผู้ใช้งานรายวันเพิ่มขึ้น 6.5% แตะ 2.4 ล้านแอดเดรส ธุรกรรมกว่า 98.7% มาจากการโอนระหว่างกระเป๋าและการใช้สเตเบิลคอยน์ การติดต่อกับกระดานเทรดแบบรวมศูนย์ก็ขยายตัวขึ้น 162.1% แต่จำนวนแอดเดรสใหม่กลับลดลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่สอง ซึ่งเมสซารีมองว่าแผนการเปิดตัวฟีเจอร์อย่าง ‘สมาร์ตวอลเล็ต’ และการยกเว้นค่าแก๊สการโอน USDT เป็นความพยายามแก้ไขสถานการณ์นี้
ด้านโครงสร้าง *ความปลอดภัยและการกระจายอำนาจ* ทรอนมีผู้สมัครเป็นซูเปอร์รีพรีเซนเททีฟ(Super Representative) จำนวน 397 ราย และมีโหนดกระจายตัวอยู่ใน 84 ประเทศรวม 8,008 โหนด ทำให้โครงสร้างการควบคุมโดยหน่วยงานเดียวเป็นไปได้ยาก อย่างไรก็ตาม โครงสร้างที่ยังมีการรวมศูนย์ของคะแนนเสียงในกลุ่มผู้สมัครอันดับต้น ๆ ยังคงเป็นสิ่งที่ต้องได้รับการแก้ไข
ในส่วนของ *ความร่วมมือ* ทรอนได้ขยายพันธมิตรกับชื่อใหญ่อย่าง *วินเทอร์มิวท์(Wintermute)*, *คิลน(Kiln)*, *นันเซน(Nansen)* และ *T3 FCU* ซึ่งช่วยเสริมประสิทธิภาพการซื้อขายและการวิเคราะห์ข้อมูล โดยเฉพาะการร่วมมือกับนันเซนที่นำเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลเชนเข้าสู่ระบบนิเวศทรอน ส่วนในเชิงเทคโนโลยี *PumpSwap* ที่เปิดตัวร่วมกับ Pump.fun ก็กำลังผลักดันการใช้งานแบบครอสเชนให้เป็นจริง
แผนในอนาคตของทรอนครอบคลุมการพัฒนาด้านประสิทธิภาพของเครือข่าย โมเดลเศรษฐกิจใหม่ การใช้ AI เอเจนต์ การทำบัญชีแยกประเภทแบบย่อย และระบบจัดการข้อมูลสถานะ โดยมีแผนสร้าง *กองทุน AI มูลค่า 100 ล้านดอลลาร์* และจัดแคมเปญอย่าง *Tron Builders League* เพื่อเร่งพัฒนาโครงการ เมสซารีประเมินว่า กลยุทธ์ทั้งด้านเทคโนโลยีและนโยบายเหล่านี้จะช่วยวางรากฐานให้ทรอนเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว
ในไตรมาสแรกปี 2025 ทรอนสามารถเดินหน้าในทั้งสามด้านหลัก ได้แก่ การเติบโตทางการเงิน, ความสามารถในการรักษาผู้ใช้ และการขยายตัวของระบบนิเวศ กลายเป็นหนึ่งในผู้นำระบบสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลกอย่างเต็มตัว ด้วย *บทบาทผู้นำในตลาดสเตเบิลคอยน์*, โครงสร้างดีไฟที่มีแนวโน้มฟื้นตัว และนโยบายที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง จึงไม่น่าแปลกใจที่สายตาของนักลงทุนยังคงจับจ้องไปที่ก้าวย่างถัดไปของทรอน
ความคิดเห็น 0