เอลซัลวาดอร์กลับมาสร้างกระแสในตลาดคริปโตโลกอีกครั้ง หลังจากมูลค่าบิตคอยน์(BTC)ที่รัฐบาลถือครองพุ่งแตะกว่า *1.05 หมื่นล้านบาท(762 ล้านดอลลาร์)* โดยได้รับแรงหนุนจากราคาบิตคอยน์ที่ทะยานขึ้นเหนือระดับ *122,000 ดอลลาร์* เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา กลยุทธ์การเข้าซื้อบิตคอยน์ของรัฐบาลที่ก่อนหน้านี้ถูกวิจารณ์อย่างหนัก กำลังเริ่มพลิกกลับมาเป็น ‘สินทรัพย์แห่งชาติ’ ที่ให้ผลตอบแทนในเชิงบวก
ปัจจุบันเอลซัลวาดอร์ถือครอง *บิตคอยน์ทั้งสิ้น 6,237 BTC* ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนที่มากที่สุดแห่งหนึ่งในระดับประเทศทั่วโลก นับตั้งแต่ปี 2021 ที่เอลซัลวาดอร์กลายเป็นประเทศแรกที่ประกาศให้ *บิตคอยน์เป็นเงินสกุลที่ถูกต้องตามกฎหมาย* ประเทศนี้ต้องเผชิญแรงกดดันจากทั้งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) และนักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำจำนวนมาก แต่ทางการยังคงเดินหน้าซื้อบิตคอยน์ต่อเนื่อง แม้จะมีแผนถอดสถานะ ‘เงินตรา’ ของบิตคอยน์ในช่วงต้นปี 2025 ก็ตาม
แม้ IMF เคยเตือนว่ากลยุทธ์นี้อาจเร่งวิกฤตการคลังภายในประเทศ แต่รัฐบาลยังคงเดินหน้าแผนการสะสมสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างแข็งขัน โดย *มูลค่าบิตคอยน์ที่ถือครองอยู่ตอนนี้ อยู่ที่ราว 1.05 หมื่นล้านบาท(762 ล้านดอลลาร์)* ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายรายเริ่มมองเห็นสัญญาณบวกจากผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรม
ปราวัน อาการ์วาล(Pravanv Agarwal) กรรมการอิสระจาก Jetking Infotrain สถาบันการศึกษา IT ชื่อดังของอินเดีย กล่าวว่า “กรณีของเอลซัลวาดอร์แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของบิตคอยน์ในการเป็น *สินทรัพย์ทางยุทธศาสตร์ระยะยาว* ได้อย่างชัดเจน เพราะพวกเขาได้ผลตอบแทนจากราคาตลาดจริง”
เขาเสริมอีกว่า “เบื้องหลังกลยุทธ์การลงทุนนี้คือแรงสนับสนุนทางการเมืองที่มั่นคงต่อประธานาธิบดี ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้รัฐบาลสามารถเดินหน้าดำเนินนโยบายเชิงรุกเช่นนี้ได้ และในตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ประเทศอื่นๆ ควรพิจารณานำสินทรัพย์ดิจิทัลมาเป็น *ทรัพย์สินแห่งอธิปไตย* เช่นกัน”
ราคาบิตคอยน์ยังมีแนวโน้มที่จะขยับขึ้นต่อ นักวิเคราะห์บางรายคาดว่า BTC อาจพุ่งแตะช่วง *124,000–125,000 ดอลลาร์* ในไม่ช้านี้ หากเป็นเช่นนั้นจะส่งผลให้ผลตอบแทนของการลงทุนโดยเอลซัลวาดอร์เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า
ที่ผ่านมาเอลซัลวาดอร์เผชิญกระแสต้านอย่างหนักทั้งในและนอกประเทศ แต่ยังคงยึดมั่นให้ *บิตคอยน์เป็นสินทรัพย์ยุทธศาสตร์ระดับชาติ* โดยในปี 2025 เพียงปีเดียว รัฐบาลมีเป้าหมายเพิ่มปริมาณการถือครองเป็นสามเท่าจากเดิม ความเคลื่อนไหวนี้ไม่เพียงสะท้อนจุดยืนเชิงนโยบายของประเทศ แต่ยังสร้างแรงกระเพื่อมต่อการกำหนดทิศทางคริปโตระดับโลกในอนาคตอีกด้วย
ความคิดเห็น 0