นักวิเคราะห์ชี้ บิตคอยน์(BTC) แค่ 1 เหรียญ อาจเพียงพอใช้จ่ายหลังเกษียณในหลายประเทศภายในปี 2035

การวิเคราะห์ล่าสุดชี้ให้เห็นว่า *เพียง 1 บิตคอยน์(BTC)* ก็อาจเพียงพอสำหรับการเกษียณในหลายประเทศทั่วโลกในอนาคต นักวิเคราะห์และนักลงทุนสายคริปโตที่ใช้ชื่อว่า *สมิตตี้(Smitty)* เปิดเผยโมเดลการคำนวณล่าสุดซึ่งระบุว่า ตั้งแต่ปี 2035 เป็นต้นไป *ประชาชนในหลายประเทศสามารถใช้บิตคอยน์ไม่ถึง 1 เหรียญเพื่อใช้จ่ายหลังเกษียณได้อย่างเพียงพอ*

สมิตตี้ได้นำค่าเฉลี่ยรายได้ต่อหัวของแต่ละประเทศมาคำนวณร่วมกับอัตราเงินเฟ้อ พร้อมใช้งานโมเดล ‘พาวเวอร์ลอว์’ (Power Law) เพื่อคาดการณ์ราคาบิตคอยน์ในระยะยาว ซึ่งโมเดลดังกล่าว คาดการณ์ว่าราคาของบิตคอยน์จะเพิ่มขึ้นตามเวลาในอัตราที่คงที่ หากคำนวณตามเกณฑ์เกษียณในปี 2035 เขาพบว่าในบางประเทศที่ค่าครองชีพไม่สูง ประชาชนสามารถใช้เงินเพียง *0.1 BTC* เพื่อใช้ชีวิตหลังเกษียณได้อย่างเพียงพอ อย่างไรก็ตาม สำหรับประเทศรายได้สูง เช่น *สหรัฐฯ หรือชาติในแถบยุโรปตะวันตก* อาจจำเป็นต้องมีบิตคอยน์ระหว่าง *1 ถึง 10 BTC* เพื่อรองรับการใช้จ่ายหลังเกษียณ

ตามพาวเวอร์ลอว์ โมเดลคาดการณ์ราคาบิตคอยน์ในปี 2035 ว่าอาจแตะระดับ *1.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ* หรือประมาณ *23.6 ล้านบาท* ซึ่งเป็นระดับราคาที่สามารถใช้เป็นเงินเกษียณในหลายประเทศทั่วโลกได้อย่างครอบคลุม โมเดลนี้ได้อ้างอิงจากการวิเคราะห์ผลย้อนหลังของราคาบิตคอยน์ ผ่านการใช้การวิเคราะห์เชิงเส้น (Linear Regression) และพิจารณาช่วงแนวรับแนวต้านในอดีต

แม้โอกาสในการถือครอง 1 BTC จะเป็นเรื่องน่าสนใจ แต่ในความเป็นจริงนั้น มีเพียงส่วนน้อยของประชากรโลกที่ครอบครองได้ ข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์บล็อกเชน *Glassnode* ระบุว่า *ที่อยู่กระเป๋าคริปโตที่มี BTC มากกว่า 1 เหรียญ มีเพียงราว 1 ล้านรายการ* – และจำนวนหนึ่งเป็นของบริษัทหรือแพลตฟอร์ม ซึ่งหมายความว่า *มีเพียงประมาณ 800,000 – 850,000 คนทั่วโลกเท่านั้น ที่ถือครองบิตคอยน์อย่างน้อย 1 เหรียญในระดับบุคคล* คิดเป็นเพียง *0.01% – 0.02% ของประชากรโลก* ซึ่งน้อยกว่าจำนวนมหาเศรษฐีทั่วโลกที่มีมากถึง *16 ล้านคน*

แนวคิดของการเป็น *‘ผู้ถือครอง 1 BTC เต็มเหรียญ’ หรือ ‘Wholecoiner’* ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจสำคัญในหมู่นักลงทุนคริปโต โดยเฉพาะในบริบทของการวางแผนการออมระยะยาวสำหรับชีวิตหลังเกษียณ อย่างไรก็ดี แนวโน้มดังกล่าวตั้งอยู่บน *สมมุติฐานที่ว่าราคา BTC จะคงเสถียรและเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต* ซึ่งก็ยังต้องพิจารณา *ความผันผวนของตลาด, ความเสี่ยงจากนโยบายรัฐ และความเร็วในการยอมรับบิตคอยน์ในระดับสากล* ว่าอาจเป็นปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงสมมุติฐานนี้ได้ในท้ายที่สุด