คริปโตดอทคอมเตือน ‘ควอนตัมคอมพิวเตอร์’ อาจเป็นภัยต่อความปลอดภัยของบิตคอยน์(BTC) ในอนาคต

คริปโตดอทคอม(Crypto.com) บริษัทวิจัยคริปโตระดับโลก เปิดเผยรายงานล่าสุดเกี่ยวกับผลกระทบของ ‘เทคโนโลยีควอนตัม’ ที่อาจมีต่อความปลอดภัยของบิตคอยน์(BTC)และสินทรัพย์ดิจิทัล โดยระบุว่า ควอนตัมคอมพิวเตอร์อาจเป็นภัยคุกคามในระยะกลางถึงระยะยาวต่อโครงสร้างความปลอดภัยแบบเข้ารหัสในปัจจุบัน และแนะนำให้นักลงทุนคริปโตและผู้ใช้บิตคอยน์เตรียม ‘แผนรับมือ’ ไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ

ควอนตัมคอมพิวเตอร์ใช้หลักการ ‘ซ้อนสถานะ’ และ ‘การพันกันของควอนตัมบิต’ (Qubit) ซึ่งทำให้สามารถประมวลผลข้อมูลได้เร็วกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไปอย่างมาก ระบบความปลอดภัยในโลกดิจิทัลที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ใช้หลักของการเข้ารหัสด้วยคีย์สาธารณะ ซึ่งมีพื้นฐานมาจากการแก้สมการคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนและใช้เวลานาน แต่ควอนตัมคอมพิวเตอร์อาจสามารถทำลายระบบนี้ได้ในเวลาอันสั้น นำไปสู่ความเสี่ยงที่ ‘คีย์ส่วนตัว’ และข้อมูลใน ‘กระเป๋าเงินดิจิทัล’ อาจถูกเจาะได้ในอนาคต

อย่างไรก็ตาม จากการประเมินของคริปโตดอทคอม ปัจจุบันควอนตัมคอมพิวเตอร์ยังไม่สามารถเจาะระบบความปลอดภัยของบิตคอยน์ได้ในทางปฏิบัติ เช่น คอมพิวเตอร์ควอนตัม Willow ของกูเกิล ที่รองรับ 105 คิวบิต ยังห่างไกลจากระดับที่ต้องการ ซึ่งคาดว่าควรมีมากกว่า 1,500 คิวบิตที่เสถียร เพียงพอจะถอดรหัสได้ แต่สิ่งที่น่าวิตกคือ ‘อาชญากรไซเบอร์’ อาจเริ่มเก็บข้อมูลเข้ารหัสไว้นับแต่ตอนนี้ เพื่อรอให้เทคโนโลยีพัฒนาไปถึงจุดถอดรหัสได้ในอนาคต

เพื่อตอบรับภัยจาก ‘ควอนตัมคอมพิวเตอร์’ สถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติสหรัฐฯ (NIST) ได้เร่งพัฒนามาตรฐาน ‘การเข้ารหัสทนควอนตัม’ (Post-Quantum Cryptography, PQC) โดยได้ประกาศอัลกอริธึมใหม่ 3 รูปแบบ ได้แก่ ML-KEM สำหรับเข้ารหัสทั่วไป, ML-DSA สำหรับลายเซ็นดิจิทัลแบบทั่วไป และ SLH-DSA สำหรับลายเซ็นแบบไม่ใช้สถานะ ในฝั่งนักพัฒนา บิตคอยน์เองก็กำลังเดินหน้าอภิปรายผ่าน BIP (Bitcoin Improvement Proposal) เพื่อเตรียมรับมาตรฐานใหม่นี้ โดยผลกระทบจะสะเทือนถึงทั้งระบบนิเวศของบล็อกเชนในระยะยาว

แม้จะเป็นภัย แต่เทคโนโลยีควอนตัมก็เปิด ‘โอกาส’ ให้กับการรักษาความปลอดภัยเช่นกัน คริปโตดอทคอมระบุว่า เทคโนโลยีเช่น การแจกจ่ายคีย์แบบควอนตัม (QKD), โปรโตคอลประมวลผลร่วมแบบหลายฝ่าย (MPC) และการเข้ารหัสแบบใช้โครงตาข่าย (Lattice-Based Encryption) อาจกลายเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างโครงสร้างความปลอดภัยใหม่ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

สำหรับนักลงทุนแต่ละราย คริปโตดอทคอมแนะนำให้มีแนวทางป้องกันเชิงรุก เช่น การติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับ PQC, การกระจายการเก็บสินทรัพย์ รวมถึงใช้งาน ‘วอลเล็ตแบบออฟไลน์’ อย่าง Cold Wallet เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงระยะยาว และในอนาคตควรเลือกใช้บริการกระเป๋าเงินหรือแพลตฟอร์มที่มีฟีเจอร์รองรับ ‘การเข้ารหัสทนควอนตัม’ เพื่อยกระดับความปลอดภัย

โดยภาพรวม แม้ว่าในปี 2025 ขีดความสามารถของควอนตัมคอมพิวเตอร์จะยังไม่เป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อระบบของบิตคอยน์ แต่ในไม่ช้านี้ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีน่าจะเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมไปอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ทั้งนักพัฒนาและผู้ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลต้องเตรียมรับมือผ่านการอัปเกรด ‘โครงสร้างพื้นฐานความปลอดภัยแบบใหม่’ ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนให้ยั่งยืนต่อไปในอนาคต