ริปเปิล(XRP) มีลุ้นพุ่ง 220% แตะ 9.63 ดอลลาร์ นักลงทุนสถาบันหนุน หลังชนะคดี SEC

ราคาของริปเปิล(XRP) กำลังเคลื่อนไหวในระดับ 2.95 ดอลลาร์ พร้อมแสดงทิศทาง *ขาขึ้นอย่างเงียบ ๆ* ซึ่งทำให้นักวิเคราะห์ตลาดเริ่มคาดการณ์ว่า *มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้สูงสุดถึง 220%* โดยมีเป้าหมายถัดไปที่ระดับ 9.63 ดอลลาร์ ท่ามกลางแรงสนับสนุนจาก *การวิเคราะห์ทางเทคนิค* และกระแสเงินลงทุนจาก *สถาบันการเงินขนาดใหญ่*

จาวอน มาร์คส์(Javon Marks) นักวิเคราะห์ด้านคริปโต เปิดเผยว่าเขาพบรูปแบบ *สามเหลี่ยมสมมาตร* ซ้ำซ้อนในกราฟระยะยาวของ XRP ซึ่งเป็นสัญญาณที่เคยปรากฏก่อนการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ในอดีต เช่นเดียวกับรอบปี 2017 โดยระบุว่า “หากโครงสร้างราคาซ้ำกับรอบก่อนหน้านี้ XRP อาจปรับตัวขึ้นมากกว่า 200% ไปถึงระดับ 9.63 ดอลลาร์” เขายังเสริมว่า ระยะยาวอาจทะลุไปถึง 123 ดอลลาร์ตามการคาดการณ์จากเส้นฟีโบนักชีระดับ 1.618

อีกหนึ่งปัจจัยที่หนุนมุมมองเชิงบวกของตลาดคือ ‘ความชัดเจนทางกฎหมาย’ หลังจากริปเปิลชนะคดีต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ(SEC) ทำให้ XRP กลับมามีกระแสเงินทุนจากสถาบันอย่างต่อเนื่อง โดยช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาเคยแตะระดับสูงสุดที่ 3.60 ดอลลาร์

คริปโต บูล(CryptoBull) ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินสำหรับองค์กร ให้ความเห็นว่า “ในรอบขาขึ้นนี้ ระดับราคาที่เหมาะสมของ XRP อยู่ที่ 25 ดอลลาร์” พร้อมคาดหมายถึงระดับสูงสุดในระยะกลางถึงยาว ขณะที่อีกนักวิเคราะห์อย่าง คริปโต เฟราส(Crypto Feras) ระบุว่า แม้ตอนนี้ราคาของ XRP ยังคงต่ำกว่าจุดสูงสุดของปี 2018 ราว 9% แต่ ‘มูลค่าตลาดรวมกลับเพิ่มขึ้นมากถึง 41%’ เขามองว่านี่เป็นหลักฐานถึงการฟื้นตัวของ *ปัจจัยพื้นฐาน* และชี้ว่า “แม้ XRP จะล้าหลังในรอบปี 2021 แต่วันนี้ กำลังได้รับแรงหนุนทั้งจากเงินสถาบันและสภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่ดีขึ้น”

ปัจจุบัน มูลค่าการซื้อขายรายวันของ XRP อยู่ที่ประมาณ 6.4 พันล้านดอลลาร์ โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับตัวลดลง 1% ขณะที่กรอบรายวันลดลง 2.5% ซึ่งสะท้อนถึงการ *ปรับฐานและการพักตัว* แต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญหลายรายยังย้ำว่า ***ตราบใดที่ XRP สามารถยืนเหนือระดับ 2 ดอลลาร์ได้ ก็ยังมีโอกาสเข้าสู่ขาขึ้นรอบใหม่***

คำถามสำคัญในตอนนี้คือ XRP จะสามารถทะลุกรอบเป้าหมายระยะสั้นที่ 5–9 ดอลลาร์ และเดินหน้าสู่ระดับ 25 ดอลลาร์ได้หรือไม่ ซึ่งทั้ง ‘ความชัดเจนทางกฎหมาย’ ของริปเปิล และแรงซื้อจาก *นักลงทุนสถาบัน* จะเป็นปัจจัยหลักที่ต้องจับตามองต่อไป.