เจมิไนเปิดตัวบัตรเครดิตสะสมรางวัลริปเปิล(XRP) แต่ชาวคริปโตโวย 'แค่เปลี่ยนหน้าตา'

แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีรายใหญ่ของสหรัฐ ‘เจมิไน(Gemini)’ ได้เปิดตัว ‘บัตรเครดิตเวอร์ชันพิเศษสำหรับการสะสมรางวัลแบบ *ริปเปิล(XRP)*’ เมื่อวันที่ 25 (เวลาท้องถิ่น) อย่างเป็นทางการ แต่กลับต้องเผชิญกระแสตอบรับที่ ‘เย็นชา’ จากชุมชนผู้ถือ XRP โดยผู้ใช้งานจำนวนมากแสดงความรู้สึกผิดหวัง พร้อมระบุว่า “แทบไม่ต่างจากบัตรเดิมที่มีอยู่แล้ว”

ตามข้อมูลจากเจมิไน บัตรใบนี้มอบสิทธิพิเศษด้าน ‘แคชแบ็กคริปโต’ สูงสุดถึง 4% โดยแบ่งเป็น 4% สำหรับค่าก๊าซ, การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า, และค่าเดินทางสาธารณะ 3% สำหรับมื้ออาหารนอกบ้าน 2% สำหรับของชำ และ 1% สำหรับการใช้จ่ายอื่นทั่วไป ทั้งนี้ จุดที่แตกต่างจากบัตรก่อนหน้าอยู่ที่ ‘การเพิ่มโลโก้ XRP’ ลงบนตัวบัตร แต่ผู้ใช้กลับมองว่านี่เป็นเพียง ‘การเปลี่ยนรูปลักษณ์’ มากกว่าการยกระดับผลิตภัณฑ์

เสียงสะท้อนจากชุมชน XRP บนโซเชียลมีเดียออกไปในแนวทางเดียวกัน หลายคนกล่าวตรงไปตรงมาว่า “มันก็แค่บัตรเดิมที่ใส่ตัว X เอาไว้” หรือ “เปลี่ยนแค่หน้าตาโดยไม่มีอะไรใหม่” พร้อมชี้ให้เห็นว่าในภาวะที่ความคาดหวังของนักลงทุน XRP อยู่ในระดับสูง การเปิดตัวที่ไม่มีนวัตกรรมหรือข้อเสนอแตกต่างชัดเจนยิ่งส่งผลให้เกิดความผิดหวังมากขึ้น

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ของเจมิไนสอดคล้องกับสิ่งที่เคยมีการพูดถึงตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทเคยแง้มว่าจะเปิดตัวบัตรพร้อมรางวัลเป็นริปเปิล(XRP) สูงสุด 4% แต่เมื่อเปิดตัวจริงกลับไม่สามารถชี้ถึงความแตกต่างที่จับต้องได้จากบัตรรุ่นก่อนหน้า ความคาดหวังจึงพังทลายลง

สิ่งที่น่าสนใจคือในอดีตฝาแฝด ‘วิงเคิลวอส’ ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งเจมิไน เคยวิจารณ์แฟน XRP อย่างตรงไปตรงมาว่าเป็น ‘โทรลล์’ แต่วันนี้กลับเปิดบัตรที่เน้น XRP เป็นจุดขาย ทำให้หลายคนมองว่าเจมิไนอาจกำลังพยายามเชื่อมสัมพันธ์หรือปรับท่าทีให้เป็นมิตรมากขึ้น โดยบริษัทชี้ว่า การที่ริปเปิล(XRP) มีมูลค่ารางวัลเมื่อแปลงเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้นจาก 73,700 ดอลลาร์ เป็น 407,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 5.6 ล้านบาท) ภายในหนึ่งปี เป็นเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการเลือก XRP

ไทเลอร์ วิงเคิลวอส(Tyler Winklevoss) ซีอีโอร่วมของเจมิไน กล่าวถึงผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ว่า “เป็นช่องทางให้ผู้คนในคอมมูนิตี้สามารถแสดงพลังแห่งความหลงใหลและความภักดีได้” ขณะที่ แบรด การ์ลิงเฮาส์(Brad Garlinghouse) ซีอีโอของริเปิล(Ripple) มองเชิงบวกว่า บัตรนี้จะช่วยให้คริปโตเคอร์เรนซีเป็นเรื่องที่เข้าถึงง่ายและเป็นมิตรมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ท่าทีของชุมชน XRP กลับขัดแย้งกับความคาดหวังของทั้งคู่ ผู้ใช้งานจำนวนมากยังคงมองหาความ ‘เปลี่ยนแปลงที่แท้จริง’ และ ‘มูลค่าที่จับต้องได้’ มากกว่าการทำตลาดด้วยโลโก้หรือรูปลักษณ์ การขาดกลยุทธ์ที่เน้นผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง และการพึ่งพาเพียงแค่การตลาดภาพลักษณ์ อาจไม่ใช่คำตอบในตลาดคริปโตที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วอีกต่อไป ‘ความคิดเห็น’ ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าชุมชนต้องการมากกว่าแค่โลโก้ที่พิมพ์บนพลาสติกใบหนึ่งเท่านั้น